ในปีนี้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ออกข่าวชื่นชมรัฐบาลไทย และหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ที่ใส่ใจเรื่องการอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสงวงบุญฮัจญ์ ประจำปี 2560 มากยิ่งขึ้น
อาทิ สนับสนุนการเดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ โดยไม่แวะเปลี่ยนเครื่องระหว่างทาง จัดพิธีอำนวยพรส่งผู้แสวงบุญอย่างสมเกียรติ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา และ จ.นราธิวาส
นอกจากนี้ ยังจัดที่พักใกล้สถานที่ประกอบพิธี ช่วยให้ผู้แสวงบุญไม่เหน็ดเหนื่อย และสามารถลดอัตราการเจ็บป่วยระหว่างเดินทางได้ นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการพัฒนากิจการฮัจญ์ของประเทศไทย
สำหรับผู้แสวงบุญจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไปแสวงบุญ ณ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ปีนี้มีจำนวน 200 คน โดยการสนับสนุนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) 140 คน และ กอ.รมน. 60 คน
...
จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. และ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผอ.กองการต่างประเทศ ศอ.บต. ต้องนำทีมไปติดตามเยี่ยมเยียนชาวไทยมุสลิมที่ไปแสวงบุญ ณ นครมักกะห์ ระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามปัญหาต่างๆ รวมถึงเยี่ยมชุมชนไทยในซาอุดีอาระเบียด้วย
วันแรก นายศุภณัฐ เลขาธิการ ศอ.บต. และคณะได้ไปพบปะผู้นำชุมชนคนไทย และนักศึกษาไทยที่ศึกษาอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีการเปิดศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ โดยมี นายฐานิศร์ ณ สงขลา กงสุลใหญ่ ร่วมพบปะด้วย
นายสำราญ มีรัตน์ อาจารย์ใหญ่ ศูนย์ กศน. กล่าวว่า สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ได้เปิดศูนย์ กศน. เพื่อให้ลูกหลานคนไทยที่อาศัยอยู่ในซาอุดีอาระเบียได้ศึกษาภาษาไทยและอื่นๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถกลับไปต่อยอดการศึกษาในประเทศไทย เนื่องจากก่อนหน้านี้คนไทยส่วนใหญ่ที่อยู่ในซาอุฯ ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้
ศูนย์ กศน. ดังกล่าวเปิดสอนตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึงชั้นสูงสุด โดยมีผู้จบการศึกษาแล้วประมาณ 1,000 คน ในปัจจุบันมีนักเรียนในระดับประถมจนถึงมัธยมปลายจำนวน 73 คน และเรียนภาษาไทยจำนวน 185 คน
นอกจากนี้ ผู้นำชุมชนผู้ประกอบการคนไทยที่มาอาศัยอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ขอบคุณเลขาธิการ ศอ.บต. ที่ได้แก้ไขปัญหากรณีคนไทยที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร โดย ศอ.บต.ได้ช่วยเหลือและประสานร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบและเข้าสู่กระบวนการออกเอกสารทางทะเบียนจนได้รับเอกสารทางทะเบียนราษฎร และเป็นประชาชนคนไทยที่ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 1,000 กว่าราย
...
นายศุภณัฐ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวเน้นย้ำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 2 ประเด็น คือ 1.รัฐบาลเป็นห่วงเรื่องการศึกษาของนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เกี่ยวกับการเทียบวุฒิการศึกษาภายหลังจบการศึกษา
2.การดูแลคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงงานคนไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ศอ.บต.ได้ดำเนินการประสานช่วยเหลือทั้งนักศึกษาและแรงงานไทยที่ประสบปัญหาต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“ศอ.บต.มีบทบาทและหน้าที่ในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกมิติ และการดูแลคนไทยและนักศึกษาไทยที่อยู่ในต่างประเทศ เพื่อสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับคนไทยในต่างประเทศ” นายศุภณัฐ กล่าว
...
วันต่อมา นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประธานกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง รวมทั้ง นายฐานิศร์ กงสุลใหญ่ นายศุภณัฐ เลขาธิการ ศอ.บต. และ นายธีรุตม์ ได้พบปะคณะผู้แสวงบุญและติดตามการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมศาสนาและกิจการฮัจญ์ ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ มีผู้มาร่วมประชุม 300 คน
นายกฤษฎา ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวกับผู้แสวงบุญว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย มีความห่วงใยในสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของชาวไทยมุสลิมที่มาแสวงบุญ พร้อมส่งกำลังใจให้เข้มแข็ง ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง มีพลังใจเข้มแข็งในการประกอบพิธีฮัจญ์ให้สมบูรณ์ตามวัตถุ ประสงค์ จึงให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาดูแล
นายศุภณัฐ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวแสดงความเสียใจกับญาติผู้แสวงบุญ 4 ราย ที่เสียชีวิตระหว่างประกอบพิธีฮัจญ์ และให้ทุกคนประกอบศาสนกิจด้วยความตั้งใจ เพื่อให้ได้ฮัจญ์ที่สมบูรณ์ พร้อมนำคุณค่าที่ได้รับจากการประกอบพิธีฮัจญ์ในครั้งนี้ กลับไปส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปด้วย และ ศอ.บต. ยังคงยืนยันที่จะให้การสนับสนุนโครงการฯต่อไป
...
คณะผู้แสวงบุญได้ให้ข้อเสนอแนะต่างๆ อาทิ ขอให้เพิ่มจุดลงทะเบียนที่ท่าอากาศยาน เสนอขอให้เพิ่มเที่ยวบินจากนราธิวาส ที่จากเดิม 4 เที่ยวบิน เป็น 10 เที่ยวบิน และเสนอขอให้มีการบริการอาหารไทยด้วย ทั้งนี้ เพื่อจะเผยแพร่อาหารไทยให้กับชาวต่างชาติ
ทั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการ รับจะนำปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆไปประมวลสรุปเพื่อปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการกิจการฮัจญ์ของไทยให้ดีขึ้นต่อไป.
ทีมข่าวภูมิภาค