พ่อค้ายาบ้า ขี่ จยย. ชนรถกู้ชีพ เสียชีวิต หลังถูกขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติด เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือที่เกิดเหตุ พบยาบ้ากระจายเกลื่อนพื้น
วันที่ 30 ม.ค. 68 ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นายชาญณรงค์ บุตรวงศ์ นายอำเภอสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยพันตำรวจเอกประวิทย์ โทหา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ และคณะได้รายงานผลการปฏิบัติต่อสื่อมวลชน หลังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสุวรรณภูมิ ปิดล้อมตรวจค้นปราบปรามยาเสพติดตามนโยบาย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาและยึดทรัพย์ผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย
ประกอบด้วยนายวราวุฒิ อายุ 26 ปี ชาวตำบลทุ่งศรีเมือง อำเภอสุวรรณภูมิ ของกลางยาบ้า จำนวน 160 เม็ด โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และตรวจยึดทรัพย์จำนวน 5 รายการ เป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่งยี่ห้อ Toyota Revo สีบรอนซ์เงินจำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 600,000 บาท รถจักรยานยนต์จำนวน 5 คัน ราคาประมาณ 180,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง ราคาประมาณ 14,000 บาท
...
จากนั้น ได้ติดตามจับกุม นายสราวุธ หรือ ต้น อายุ 33 ปี ชาวตำบลดอกไม้ อำเภอสุวรรณภูมิ พร้อมยาบ้าจำนวน 16 เม็ด ตรวจยึดทรัพย์จำนวน 3 รายการ คือรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 20,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง ราคาประมาณ 16,000 บาท
ผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่า มีนายอภิชาติ เป็นเครือข่ายอีกคน จึงติดตามจับกุมตัวได้พร้อมของกลางยาบ้า 180 เม็ด จากนั้นตามจับกุม นายวัชระ อายุ 27 ปี ชาวตำบลดอกไม้ อำเภอสุวรรณภูมิ ในความผิดเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และได้ให้การซัดทอดว่ายังมีนายวีระพล หรือ มอส อายุ 30 ปี ชาวตำบลนาใหญ่ เป็นเครือข่ายอีกคน
ขณะเจ้าหน้าที่กำลังจะติดตามไปจับกุม ได้รับรายงานว่าบุคคลดังกล่าวได้ขี่รถ จยย. ชนกับรถกู้ชีพเสียชีวิตคาที่ บริเวณถนนสายสุวรรณภูมิ - เมืองสรวง ตำบลนาใหญ่ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ พบยาบ้ากระจายเกลื่อน เก็บรวมกันมาได้ 50 เม็ด รวมของกลางยาบ้าที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ 406 เม็ด ยึดทรัพย์จำนวน 8 รายการ ราคารวมประมาณ 830,000 บาท
โดยพันตำรวจเอกประวิทย์ โทหา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มยาเสพติดในพื้นที่ของจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ารายย่อยในชุมชน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองได้สืบสวนติดตามจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เหลือผู้ขาย ผู้เสพในชุมชนต่อไป.