ศาลขอนแก่น นัดฟังคำพิพากษา "เอกราช ช่างเหลา" คดียักยอกสหกรณ์ฯครู 431 ล้านบาท ยื่นขอกลับคำให้การ จะชดใช้คืนทั้งหมด รอขายที่ดินมูลค่า 600 ล้านบาท

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 7 ต.ค. 67 ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีการทุจริตยักยอกทรัพย์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น มูลค่ากว่า 431 ล้านบาท ซึ่งทางพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นจำเลยในคดีดังกล่าว โดยมี นายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย

โดย นายเอกราช ช่างเหลา พร้อมเลขาฯ และทนายความ ได้เดินทางมาด้วยรถตู้สีดำ ก่อนจะมาจอดที่ลานจอดรถของศาลจังหวัดขอนแก่น แล้วเข้าไปในศาล พร้อมเปิดเผยสั้นๆ ว่า วันนี้ได้ให้ทางทนายความคนใหม่ มายื่นขอกลับคำให้การ หลังจากทนายความคนเดิมให้รับสารภาพ จนมีหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบด้านจริยธรรม ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และขอยืนยันว่า ตนจะมีการชดใช้เงินคืนทั้งหมด ซึ่งรอการขายที่ดินมูลค่า 600 ล้านบาทอยู่ และในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ตนจะมีการแถลงข่าวให้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิด นายเอกราช ช่างเหลา สภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีเมื่อครั้งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้กระทำการทุจริตยักยอกเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา จนทำให้สหกรณ์มียอดเงินขาดบัญชีตั้งแต่ปี 2554 – 2562 เป็นเงินจำนวน 431,826,070.43 บาท

...

และเพื่อเป็นการปิดบังอำพรางการกระทำความผิดของตนเอง ยังได้ทำการปลอมแปลงรายการในเอกสารสมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากประจำของสหกรณ์ และจัดทำหรือรับรองรายงานสถานะทางการเงินเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีอันเป็นความเท็จ เพื่อให้สหกรณ์และสมาชิกหลงเชื่อว่าสหกรณ์มียอดเงินคงเหลือตามที่ระบุในเอกสารดังกล่าวจริง เป็นการกระทำต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จนถึงเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแล้ว และนายเอกราช ช่างเหลา ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562

นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์จงใจไม่ชำระหนี้เงินขาดบัญชีที่เกิดจากการกระทำของตนเองคืนให้กับสหกรณ์ฯ ตามหนังสือรับสภาพหนี้ ฉบับลงวันที่ 27 ธันวาคม 2562 จนในปี 2564 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดขอนแก่นในข้อหาเกี่ยวกับการร่วมกันยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีคำสั่งสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้เป็นการชั่วคราว

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบตามสำนวนไต่สวนคดีเบื้องต้น ว่า การกระทำของนายเอกราช ช่างเหลา ผู้ถูกกล่าวหา เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยประพฤติตนไม่อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน และกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 12 ข้อ 19 ประกอบข้อ 3 วรรคสอง และข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87

โดยการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว ยังถือว่าไม่เป็นที่สุด นายเอกราช ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ยังคงสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอย่างถึงที่สุดออกมา