ความหวังริบหรี่ ผ่านไป 40 ชั่วโมง ทีมกู้ภัยจากหลายหน่วย งานระดมกำลังและเครื่องจักรทำงานแข่งกับเวลา เร่งค้นหา 3 ชีวิต ทั้งวิศวกรชาวจีน คนงานขับรถ แบ็กโฮเพื่อนร่วมชาติ และแรงงานชาวพม่า หลังติดค้างอุโมงค์รถไฟมรณะ แต่ยังไม่พบวี่แววจะเข้าถึงเป้าหมาย ล่าสุดพบสัญญาณชีพเพียง 1 คน ส่วนอีก 2 คนไม่พบ สันนิษฐานอาจเสียชีวิตแล้ว หรืออยู่ไกลจากระยะสแกนค้นหา

หลายฝ่ายระดมเครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ ลุยขุดดินหวังยื้อชีวิต หลังเกิดเหตุดินหลังคาอุโมงค์คลองไผ่ งานก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ใกล้สถานีรถไฟคลองขนานจิตร ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พังถล่มปิดทาง ทำให้วิศวกรชาวจีน คนขับรถแบ็กโฮชาวจีน และคนงานก่อสร้างชาวเมียนมา ติดค้างอยู่ภายในอุโมงค์ 3 คน เหตุเกิดราว 5 ทุ่มคืนวันที่ 24 ส.ค. เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องพยายามหาวิธีการช่วยเหลืองเร่งด่วนต่อเนื่องตลอดทั้งวันของวันที่ 25 ส.ค. เพราะมีความหวังว่าผู้สูญหายทั้งหมดยังมีลมหายใจอยู่

ความคืบหน้าเวลา 04.00 น. วันที่ 26 ส.ค. นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นอภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในฐานะ ผอ.กองอำนวยการร่วมช่วยเหลือ 3 คนงาน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ขณะนี้ได้รับการสนับสนุนเครื่องมือเรดาร์สแกน เพื่อค้นหาสัญญาณชีพจากกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เดินทางมาถึงราว เที่ยงคืน และลงมือทำงานทันทีร่วมกับเจ้าหน้าที่บริษัท ก่อสร้างอุโมงค์ ได้เข้าไปยังจุดดินถล่ม ติดตั้งเครื่องมือแล้วสแกนค้นหาสัญญาณชีพ พบว่าผู้ประสบภัยทั้ง 3 คน ยังมีสัญญาณชีพอยู่ ทีมงานได้ประชุมหารือหาวิธี ช่วยเหลือ จะใช้ท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.20 เมตร ดันเข้าไปตรงจุดที่พบสัญญาณชีพ แล้วให้คนงานช่วยกัน ตักดินในท่อออกมา ก่อนให้ทีมงานกู้ภัยฯเข้าไป

...

นอภ.ปากช่อง กล่าวต่อว่า การช่วยชีวิตผู้สูญหาย ครั้งนี้ เป็นการบูรณาการของทีมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากส่วนกลาง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างวิชชาธรรมสถาน พร้อมทีมแพทย์ รพ.ปากช่องนานา ทีม อบต.จันทึก ที่เตรียมพร้อมสนับสนุน จากการพบสัญญาณชีพทั้ง 3 คน เป็นข้อบ่งชี้ที่แสดงให้เห็นว่าทั้งหมดยังมีชีวิต และหากทีมกู้ชีพประเมินแล้วสามารถนำผู้รอดชีวิตออกมาได้ จะรีบนำตัวส่ง รพ.ปากช่องนานา เพื่อช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน เป็นการทำงานแข่งกับเวลาให้เร็วที่สุด

ฃช่วงเช้าวันเดียวกัน นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นอภ.ปากช่อง ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า หลังจากช่วง เที่ยงคืน เครื่องสแกนหาสัญญาณชีพ ค้นพบสัญญาณชีพในช่วงเวลา 01.00 น. ทุกฝ่ายต่างเร่งให้การช่วยเหลือ แต่ยังไม่พบเป้าหมาย ทำให้ต้องปรับแผนทำงานใหม่ และมีหน่วยสนับสนุนเพิ่มเติมคือ สุนัข K 9 จำนวน 2 ตัว ในช่วงเช้าจะให้รถแบ็กโฮเคลียร์พื้นที่ใหม่ เพราะ อาจเกิดการคลาดเคลื่อนระดับความลึกของชั้นดิน รถแบ็กโฮจะปรับระดับพื้นดินเดิมของอุโมงค์ จากนั้น ใช้เครื่องสแกนเข้าไปค้นหาสัญญาณชีพ พร้อมส่งสุนัข K 9 เข้าไปดมกลิ่นค้นหาอีกแรง

ช่วงบ่าย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังรับฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) และเจ้าหน้าที่บริษัทก่อสร้างของจีน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาอุปสรรคคือ อุโมงค์มีอยู่ 3 เลเยอร์ ความแม่นยำในการค้นหา เป็นรายละเอียดเฉพาะทางวิศวกรรม ภาครัฐพร้อมสนับสนุนเครื่องจักรอุปกรณ์กู้ภัยต่างๆ ส่วนผู้ประสบภัย ขณะนี้ได้รับแจ้งยังพบสัญญาณชีพอยู่เมื่อเวลา 7 โมงเช้า แต่อ่อนมากและเป็นห่วงเรื่องอากาศ เจ้าหน้าที่ ต้องใช้ท่ออัดอากาศเข้าไปภายในอุโมงค์ ที่สำคัญคือ หลุมบอร์ดอากาศ ต้องดึงค่าอากาศออกมาวัดว่าภายในอุโมงค์สามารถดำรงชีพได้อีกกี่ชั่วโมง เนื่องจากมีคาร์บอนไดออกไซด์กระจายอยู่ ต้องอัดออกซิเจนเข้าไปเพิ่มเติม ส่วนเรื่องฝนตกไม่มีปัญหา เพราะอุโมงค์ มีระบบระบายน้ำอยู่แล้ว แต่ให้ระวังเรื่องดินยุบในจุด ที่พังถล่ม ส่วนจะมีผลกระทบกับผู้สูญหายทั้ง 3 คน หรือไม่ ยังตอบไม่ได้

เวลา 14.00 น. ทีมกู้ภัยใช้เครื่องสแกนค้นหา สัญญาณชีพผู้ติดค้างในอุโมงค์ทั้ง 3 รายอีกครั้ง พบสัญญาณชีพเพียง 1 คน ส่วนอีก 2 คนไม่พบ สันนิษฐานอาจอยู่ไกลจากระยะการค้นหา หรือทั้ง 2 คนอาจเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุในเวลา 5 ทุ่มคืนวันที่ 24 ส.ค. จนถึงเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ส.ค. รวมระยะเวลาที่ทั้ง 3 คน ติดอยู่ภายในอุโมงค์เกือบ 40 ชั่วโมงแล้ว ทำให้ความหวังในการมีชีวิตรอดริบหรี่ ลงเรื่อยๆ แต่ทีมกู้ภัยยังมุ่งมั่นทำงานแข่งกับเวลาอย่างไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย ขณะที่อุปสรรคสำคัญในการช่วยเหลือคือ การใช้รถแบ็กโฮขุดดินที่พัง ถล่มออกจากอุโมงค์ แต่ดินด้านบนยังพังถล่มลงมาเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวังเพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

...

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่