โจรในคราบลูกค้า ทำทีมาซื้อของที่ร้าน วนเวียนมาถึงสามรอบ รอบสุดท้ายเตะก้านคอแม่ค้าหวังให้สลบ แม่ค้าตั้งสติต่อสู้ ถูกกระชากสร้อยคอทองคำขึ้นรถกระบะเผ่นหนี


ภาพจากกล้องวงจรปิด จังหวะที่คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ตัวใหญ่ สูงประมาณ 175 เซนติเมตร เข้ามาก่อเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านขายของชำ โดยเตะก้านคอเจ้าของร้านหวังจะให้สลบ แต่เจ้าของร้านฮึดสู้จนถูกทำร้าย แล้วฉกเอาสร้อยคอทองคำที่เจ้าของร้านสวมใส่คอน้ำหนัก 1 บาท หลบหนีขึ้นรถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีออกจากหน้าร้านไปอย่างลอยนวล โดยเหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 20 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.พล จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพล ระดมกำลังออกตามหาเบาะแสของคนร้ายตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้

ล่าสุด เวลา 17.00 น. วันที่ 21 กันยายน 2566 พ.ต.ท.สลาวุฒิ จันทศิลา รอง ผกก.ป.สภ.พล พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกัน สภ.พล ลงพื้นที่มาพบกับ นางณิชา ตุ่นป่า อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 บ้านเพ็กใหญ่ ม.11 ต.เพ็กใหญ่ อ.พล ภายหลังเดินทางกลับจากโรงพยาบาล ภายหลังแพทย์อนุญาตให้กลับมาบ้านเพื่อดูอาการ ซึ่งจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามเบาะแสของผู้ก่อเหตุ เบื้องต้น คาดว่าอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 175 เซนติเมตร รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายมิดชิด ปกปิดคลุมเหลือแต่ดวงตา เสื้อผ้ามีสกรีนชื่อบริษัทซึ่งลักษณะเหมือนเสื้อที่ทางโรงงานแจก 

...

นางณิชา ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนขายของอยู่คนเดียวตามปกติ ส่วนลูกสาวไปทำงานยังไม่กลับ ก่อนเกิดเหตุช่วง 11.00 น. คนร้ายรายนี้ได้มาซื้อน้ำดื่ม 1 ขวด จ่ายเงินตามปกติแล้วกลับไป โดยแต่งกายเสื้อสีเทา-ขาว ผ่านไปจนบ่ายโมงเศษ คนร้ายรายเดิมย้อนกลับมาอีกครั้ง โดยไปหยิบนมเปรี้ยวที่ร้านซึ่งเดินไปหยิบเปิดตู้แช่เอง พร้อมกับจ่ายเงินมาให้ 8 บาท แต่นมเปรี้ยวยี่ห้อที่คนหยิบมานั้นขึ้นราคาแล้วเป็น 9 บาท จึงถามอีกยี่ห้อหนึ่งให้ซึ่งคนร้ายก็ตกลงเปลี่ยน ก่อนจะออกไปยืนกินอยู่หน้าร้านจนหมดขวด ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจว่าคนร้ายจะดูลาดเลาร้านหรือเปล่า ก่อนจะกลับมาในร้านแล้วถามซื้อเอ็ม 150 โดยบอกว่าเหลือแต่แบงก์ 10 บาท จะขอฝากเป็นประกันไว้ก่อน แล้วจะกลับมาจ่ายทีหลังพร้อมกับเอาแบงก์ 10 คืนพรุ่งนี้ ตนก็เห็นว่าเป็นลูกค้าคนหนึ่งจึงตกลง ก่อนที่คนร้ายรายนี้จะออกจากร้านไป กระทั่งรอบที่สาม รอบสุดท้ายที่คนร้ายเข้ามาโดยขับกระบะ แค็ล ไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดปิดประตูร้านเอาไว้ จังหวะนั้นตนเห็นชายรายเดิมลงจากรถมา โดยเปลี่ยนชุด ข้างหลังเขียนชื่อโรงสีชื่อดังในตัวอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ก่อนที่คนร้ายจะยื่นเงินแบงก์ 100 มาให้ จังหวะนั้นตนเข้าใจว่าจะมาแลกธนบัตรแบงก์ 10 บาท คืนไป พร้อมทั้งบอกว่าเอาไอศกรีมหนึ่งอย่าง ราคา 25 บาท บวกกับเครื่องดื่มชูกำลังราคา 12 บาท เป็น 37 บาท จังหวะที่เปิดเก๊ะเอาแบงก์ 100 วาง แล้วหยิบเอาแบงก์ 10 บาท ออกมา นับเงินทอนให้คนร้ายนั้น ถูกเตะเข้าที่ก้านคออย่างจัง เป็นจังหวะที่หันมาและเห็นคนร้ายกำลังง้างเท้ามาพอดี แล้วทุกอย่างก็มืดลงเหมือนตั้งใจจะเตะให้เราสลบในทีเดียว

"จังหวะนั้นพยายามตั้งสติ และพยายามต่อสู้ ทำให้คนร้ายเข้ามาทำร้ายซ้ำ และกระชากสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท ที่สวมที่คอ วิ่งหลบหนีขึ้นรถกระบะที่จอดปิดทางเข้าบ้าน โดยอ้อมไปทางด้านหลังรถ จึงรีบตั้งสติแล้ววิ่งตามไปเปิดประตู พร้อมกับตะโกนให้คนช่วย และพยายามหาสิ่งของที่คิดว่าจะเป็นหลักฐาน จึงคว้าได้แว่นตาและพาวเวอร์แบงก์ที่อยู่ในรถข้างคนขับ ทีแรกคิดว่าเป็นโทรศัพท์ จึงหยุดชะงักเพราะคิดว่ามีหลักฐานแล้ว แต่พอมองดูไม่ใช่โทรศัพท์กลับเป็นพาวเวอร์แบงก์ จึงรีบมองหาสิ่งของอื่น และเห็นกระเป๋าวางอยู่ข้างเบาะนั่งคนร้าย กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ คนร้ายก็รีบเร่งเครื่องรถหลบหนีออกไปทันที" 

ด้าน พ.ต.อ.พีระฉัตร สาขา ผกก.สภ.พล กล่าวว่าเบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างผอม ตัวใหญ่ ตอนเกิดเหตุสวมเสื้อแจกของโรงงานซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบในภาพรวมทั้งหมด คาดว่าจะทราบตัวผู้ก่อเหตุได้เร็วๆ นี้