เจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 จับกุมหนุ่มลาว พร้อมต้นพันธุ์หมอนทอง จำนวน 3,500 ต้น โดยมีการสำแดงเป็นขนม แก้ว วุ้น และสังฆทาน มีการนำใบตองกล้วยมาปกคลุมทับปิดไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 อ.เมือง จ.หนองคาย นายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2, นายชนินทร์ ศุภรินทร์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร, นายภาคิน เทียบคำ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชหนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม ชายชาวลาว อายุ 23 ปี พร้อมต้นพันธุ์หมอนทอง จำนวน 3,500 ต้น มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท และรถยนต์บรรทุก ยี่ห้อ ฮุนได หมายเลขทะเบียน กค 1339 กำแพงนคร ที่มีการสำแดงเท็จส่งออก

...

โดยเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค. 2566 สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ร่วมกับสำนักงานศุลกากรหนองคาย, ด่านตรวจพืชหนองคาย และหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 5 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำการวางแผนตรวจค้นรถกระบะเสริมตู้ทึบสีขาว ยี่ห้อ ฮุนได หมายเลขทะเบียน กค 1339 กำแพงนคร บริเวณช่องทางขาออก ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ตามใบแจ้งรายละเอียดสินค้าขาออกสำหรับการส่งออกทางบกตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560

โดยผู้ส่งออกยื่นแบบ กศก.153 สำแดงสินค้า จำนวน 4 รายการ เป็นขนม แก้ว วุ้น และสังฆทาน จากการตรวจสอบสินค้าที่บรรทุกมา พบเป็นต้นกล้าพันธุ์พืชสงวน ประเภทต้นทุเรียนหมอนทอง จำนวน 3,500 ต้น มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท มีการนำใบตองกล้วยมาปกคลุมทับปิดไว้ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐานยื่นใบขนสินค้า เอกสารหรือข้อมูล ซึ่งเกี่ยวกับการเสียอากรไม่ถูกต้อง และนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรส่งออกนอกราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้น ตามมาตรา 202, 244 และมาตรา 166, 167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 30 โดยได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิด และส่งมอบของกลางให้สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.