พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและลาว แห่ร่วมเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม ถวายเป็นพุทธบูชา พร้อมกราบไหว้ขอพรพระอุรังคธาตุ กระดูกส่วนหน้าอกพระพุทธเจ้า ในวันมาฆบูชา เนืองแน่นวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 6 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เป็นประธานสงฆ์ นำพุทธศาสนิกชน ประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวลาว ร่วมทำบุญ ปฏิบัติธรรม ทำวัตรเย็น ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา มาฆบูชา รำลึกถึงความสำคัญที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปติโมกข์ต่อพระอรหันต์ 1,250 รูป โดยมาพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ที่สำคัญยังได้ประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม จำนวน 3 รอบ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ต่อพระอุรังคธาตุ กระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า ที่บรรจุไว้ภายในองค์พระธาตุพนมมานานกว่า 2,500 ปี
สำหรับ องค์พระธาตุพนม เป็นพระบรมเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่เดียวในไทย ก่อสร้างมาตั้งแต่ประมาณ ปี พ.ศ.8 หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระมหากัสสปะ พร้อมด้วย พระอรหันต์ 500 รูป ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุมาจากประเทศอินเดีย มาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า หรือที่ก่อสร้างองค์พระธาตุพนม ที่จารึกไว้ตามตำนานพระอุรังคธาตุ และมีการค้นพบว่าพระอุรังคธาตุมีอยู่จริง หลังเหตุการณ์พระธาตุพนมล้ม เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 จากนั้นจึงมีการบูรณปฏิสังขรณ์และบรรจุพระอุรังคธาตุไว้ภายใน ทำให้เกิดพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าองค์พญานาคทั้ง 7 เป็นผู้ดูแลปกปักษ์รักษาองค์พระธาตุพนม
...
โดยในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา รวมถึงวันมาฆบูชา จะมีพลังศรัทธามาร่วมทำบุญ เวียนเทียน ถวายเครื่องสักการบูชา กราบไหว้ขอพร ต่อองค์พระธาตุพนม จำนวนมาก เชื่อกันว่าเสมือนมากราบไหว้ขอพรพระพุทธองค์แบบใกล้ชิด ไม่ต้องไปไกลถึงประเทศอินเดีย หากใครได้มากราบไหว้ขอพรยังเชื่อว่า จะประสบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง มีแต่โชคลาภ ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์
อีกทั้งยังถือว่าเป็นพระบรมเจดีย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์สวยงาม และสื่อถึงความมั่นคงของพลังศรัทธาต่อพระพุทธศาสนามายาวนานกว่า 2,500 ปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่สำคัญ ที่สร้างอานิสงค์ต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ในจังหวัดนครพนม สร้างรายได้ในพื้นที่ เงินหมุนเวียนสะพัด ปีละกว่า 100 ล้านบาท เพราะมีประชาชนและนักท่องเที่ยว มาทำบุญกราบไหว้ขอพรตลอดทั้งปี.