จัดหางานอุดรฯ เตรียมสอบ มาดามวิ ประธานทีมฟุตบอลตุ๋นคนงานไปเกาหลี มีกลุ่มคนหางานแจ้งความเป็นผู้เสียหายเพิ่ม 21 ราย หลังเบี้ยวคืนเงิน เผยยังมีการแชตในกลุ่มไลน์ให้โอนเงินเพิ่มอีก 8 พัน และยังมีคนหลงเชื่อโอนให้ ส่วนที่ไปแล้วตอนนี้ยังไม่มีงานทำ ยังอยู่ได้อีก 90 วัน แต่ในฐานะนักท่องเที่ยวเท่านั้น ถ้าไปทำงานจะถูกจับทันที 

จากกรณีมีแรงงาน 9 ราย แจ้งความจับ น.ส.อริสรา ชะมูล หรือมาดามวิ ประธานทีมฟุตบอลดังใน จ.อุดรธานี หลังอ้างว่า สามารถพาเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้เพื่อไปทำงานได้ โดยมีนายจ้างจากเกาหลีรับรอง จ่ายค่าดำเนินการคนละ 2 หมื่นบาท มีผู้สนใจกว่า 60 คน และมีการจัดทำไลน์กลุ่ม นัดประชุมที่สำนักงานสโมสรฟุตบอล มีนายจ้างจากเกาหลีเดินทางมาประชุมด้วย เมื่อจ่ายเงินแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้เดินทางไปทำงาน โดยมีเอกสารสัญญาจ้าง ใบเสร็จรับเงิน การโอนเงิน คลิปการประชุม ข้อความแชต เป็นหลักฐาน เหตุเกิดเดือนพฤศจิกายน 2565 ถึง วันที่ 9 มกราคม 2566 ด้านมาดามวิโต้ไม่ได้เป็นคนส่งแรงงาน เป็นเพียงผู้ประสานให้แรงงานและนายจ้างเกาหลีมาพบกัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว วันที่ 27 มกราคม 2566 ว่าที่ร้อยโทอนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เดินทางมา สภ.เมืองอุดรธานี เข้าพบ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อติดตามข้อมูลเรื่องแรงงานถูกหลอกไปประเทศเกาหลีใต้ เตรียมตรวจสอบบุคคลหรือบริษัทว่าได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ว่าที่ร้อยโทอนุเทพ เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้แจ้งข้อมูลไปยังจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ว่ามีการหลอกลวงคนหางานในเขตจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง โดยอ้างว่าสามารถส่งไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 20,000 บาท โดยมีผู้หายประมาณ 50-60 คน

...

“ได้มาพบผู้เสียหาย และรับทราบข้อเท็จจริงว่ามีการชักชวนกันไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้จริง เหตุเกิดช่วงเดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม 2565 ต่อเนื่องกัน ซึ่งตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้เสียหาย เสร็จแล้วก็จะมีการตรวจสอบประวัติผู้ถูกกล่าวหาไปที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด ว่าเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ เป็นตัวแทน ลูกจ้าง หรือสามารถส่งไปทำงานต่างประเทศได้หรือไม่”

จัดหางานจังหวัดอุดรธานี กล่าวด้วยว่า ทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้มีการสัญญาว่าจะคืนเงินให้ผู้เสียหายในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงกำหนดสัญญาก็ยังไม่มีการคืนเงินกัน แต่ครั้งนี้ความผิดสำเร็จแล้ว เป็นความผิดที่ทางรัฐเป็นผู้เสียหาย ซึ่งยอมความกันไม่ได้ แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะโทรติดต่อผู้เสียหายว่าจะคืนเงินให้ ก็ยังมีความผิด พ.ร.บ.จัดหางาน มาตรา 91 “ผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่า สามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง” มีอัตราโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ อยากฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนคนหางานที่จังหวัดอุดรธานี หรือจังหวัดใกล้เคียง การที่จะไปทำงานต่างประเทศได้นั้นจะต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง จะต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตที่ถูกต้อง หรือสอบถามข้อมูลได้ที่จัดหางานจังหวัดอุดรธานี และสำนักงานจังหวัดแต่ละจังหวัดทั่วประเทศได้

ด้านนายวัชรดนัย ศิริสุขอภิรัมย์ อายุ 40 ปี ชาวอุดรธานี ตัวแทนผู้เสียหาย ได้เข้าให้ข้อมูลกับทางจัดหางานจังหวัดอุดรธานี พร้อมนำรายชื่อเอกสารหลักฐานของผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่มอีก 21 คน รวมทั้งหมด 30 คน ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ทางมาดามวิ ได้ส่งข้อความถึงกลุ่มผู้เสียหาย ว่าจะมีการคืนเงินให้ แต่เป็นการจ่ายผ่านเช็ค แต่เมื่อผู้เสียหายเข้าสอบถามตำรวจกลับไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่จึงได้โทรสอบถาม ทราบว่ามีการถ่ายรูปเช็คมาให้พร้อมรายชื่อผู้เสียหาย ตนจึงแจ้งไปว่าถ้าถ่ายรูปส่งมาให้ แล้วจะขึ้นเงินได้อย่างไร หรือหากเช็คเด้ง จะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่ได้รับเงินคืนตามที่ได้แจ้งเอาไว้

สำหรับคนที่ตรวจ K-ETA ผ่าน และมาดามวิพาที่บินไปประเทศเกาหลีได้แล้วนั้น ทราบว่าคนที่ไปแล้วนั้นตอนนี้ยังไม่มีงานทำ ซึ่งจะยังสามารถอยู่ได้อีก 90 วัน แต่ในฐานะนักท่องเที่ยวเท่านั้น ถ้าไปทำงานก็จะถูกจับทันที ล่าสุดทางผู้ถูกกล่าวหาก็ยังมีการประกาศทางไลน์สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนตรวจสอบเอกสารต่างๆ ผ่านจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 8,000 บาทต่อคน ก็ยังมีผู้ที่โอนเงินไป เพื่อเตรียมบินอีกรอบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยชุดแรกมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารทีมฟุตบอล จำนวน 9 คน และชุดที่ 2 มีเพิ่มรายชื่อเอกสารผู้เสียหายอีก 21 คน รวม 30 คน โดยทางตำรวจสอบสวนจะจัดชุดพนักงานสอบเพิ่มเติมอีก เพื่อสอบปากคำผู้เสียหายที่อยู่ในจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงต่อไป.