ฟัง 2 มุม สาวอ้างหนุ่มเทงานหมั้น ฝ่ายหญิงยังรัก พร้อมจะแต่งงานด้วยเหมือนเดิม แต่ผู้ชายอ้าง ถูกด่าว่าไม่มีปัญญาเอาที่ดินไปจำนอง ไม่ขอกลับไปคบอีก ทางใครทางมัน

วันที่ 11 ต.ค.65 จากกรณี น.ส.นิ้ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ชาว จ.อุดรธานี อ้างว่า ถูก นายโหน่ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เทงานหมั้น จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้

น.ส.นิ้ง เปิดเผยว่า เพื่อนได้แนะนำให้ตนเองรู้จักกับนายโหน่ง เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองเพิ่งอกหักมาใหม่ๆ โดยยอมรับว่ามีอะไรกันแล้ว จึงตกลงที่จะแต่งงานกัน ซึ่ง นายโหน่ง บอกว่า จะให้พ่อแม่มาสู่ขอทันที ทั้งยังให้ตนลาออกจากงาน ที่ทำอยู่ในห้างฯ มาช่วยงานที่บ้าน ตนก็ลาออก และเข้าไปอยู่ที่บ้านของนายโหน่ง 

หลังจากที่พ่อแม่ตนทราบว่าอยู่ด้วยกันแล้ว ก็อยากให้มาสู่ขอแต่งงานตามประเพณี ต่อมาวันที่ 1 ต.ค.65 ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาตกลงกัน โดยตกลงแต่งเดือน ก.พ.ปีหน้า สินสอดเป็นเงิน 50,000 บาท และทอง 1 บาท ทำสัญญากันอย่างดี วันนั้นตกลงกันว่าจะจ่ายวันที่หมั้นหมาย 10,000 บาท แต่พ่อแม่ฝ่ายชายเอาเงินวางไว้แค่ 2,000 ทำให้ตกลงกันไม่ได้ จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

น.ส.นิ้ง บอกด้วยว่า ตัวเองเสียใจที่ว่าที่สามีและฝ่ายพ่อแม่เขาทำแบบนี้ ปล่อยตนทิ้งไว้เป็นม่ายขันหมาก ตนรักผู้ชายคนนี้มาก วาดฝันว่าถ้าแต่งงานแล้ว ก็จะไปทำงานเมืองนอก เก็บเงิน ตั้งหลักปักฐาน จบไว้ที่ผู้ชายคนนี้คนเดียว ตอนนี้อยากให้กลับมา พร้อมจะแต่งงานด้วยเหมือนเดิม แต่หากไม่มา อยากให้ติดต่อเพื่อรับผิดชอบที่ต้องเสียตัวไป

ด้านแม่ของ น.ส.นิ้ง เปิดเผยว่า ครอบครัวเราดีใจที่ลูกสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา เนื่องจากเคยล้มเหลวในชีวิตคู่มาก่อน เมื่อวันที่ 1 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ได้มีผู้ใหญ่ฝั่งผู้ชายมาที่บ้าน เพื่อพูดคุยตกลงงานหมั้นหมาย และงานแต่ง โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านมาร่วมงานด้วย วันนั้นตกลงค่าหมั้นไว้ 10,000 บาท แต่เขาเอาให้แค่ 2,000 บาท ถือว่าดูถูกกันเกินไป

จากนั้นฝ่ายชายก็ไม่ติดต่อลูกสาวตนมาอีก พวกเราอายคนในหมู่บ้าน มาทำแบบนี้ได้อย่างไร ทำให้ครอบครัวเราเสียหน้าเสียตา อายคนในหมู่บ้าน อยากให้ติดต่อกลับมารับผิดชอบบ้าง

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ นายโหน่ง ฝ่ายชาย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดย นายโหน่ง เล่าว่า ตนเองเคยมีครอบครัวมาแล้ว 1 ครั้ง แยกทางกับภรรยาได้เกือบ 10 ปี มีลูกชาย 1 คน ลูกชายอยู่กับแม่เขา ก่อนหน้านี้ไปบวชมา 2 เดือน เพิ่งสึกมาอยู่บ้านในช่วงก่อนเข้าพรรษา เพื่อมาทำงานช่วยที่บ้านและดูแลพ่อแม่ โดยก่อนหน้าก็ไม่เคยรู้จักกับ น.ส.นิ้ง มาก่อน มารู้จักกันที่บ้านเพื่อน และคุยกันถูกคอ ก่อนที่จะพาฝ่ายหญิงมาที่บ้าน พอเช้ามา เขาก็ออกมาหุงหาอาหาร ออกมาค้าขาย ช่วยพ่อกับแม่ตน

"ผ่านไป 2 – 3 วัน เขาก็บอกว่า ให้พาพ่อไปที่บ้าน เพราะกลัวว่าแม่จะดุด่าว่ามาอยู่บ้านผู้ชาย อยากให้ผู้ใหญ่ไปบอกกล่าวกัน แต่เมื่อไปถึง ไม่เหมือนอย่างที่ตกลงไว้ กลายเป็นว่าตกลงกันเรื่องหมั้นหมาย เลยเถิดถึงขั้นแต่งงาน จึงต้องยุติเรื่องราวด้วยการไม่พูดอะไรก่อนแยกย้ายกลับมาที่บ้าน"

นายโหน่ง เล่าต่อว่า เช้าวันต่อมา น.ส.นิ้ง ก็ตามมาที่บ้านอีก ตนเองก็ได้แต่ทน ในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ที่อยู่ด้วยกัน ตนให้เงินเขาใช้วันละ 1,000 บาท ไปรับจ้างไถนาได้เงินเท่าไหร่เขาก็เอาไปหมด เงินถูกหวยก็ยึดไปหมด เขาพูดกับผู้ใหญ่อย่างหนึ่ง แต่มาพูดกับตนอีกแบบหนึ่ง หาเรื่องดุด่าจนถึงทำร้ายร่างกาย แต่ตนก็ไม่ตอบโต้ ไม่ทำร้ายคืน

นายโหน่ง อ้างว่า สิ่งที่ทำให้ทนไม่ได้คือ เขาบังคับตนเอาที่นา 10 ไร่ ไปจำนอง ตอนนั้นเกือบจะจำนองแล้ว แต่ติดเรื่องเอกสาร เขาก็ด่าว่าตนไม่มีปัญญา ทำให้ตนทนไม่ไหว จึงขอแยกทาง ถ้าเขาไม่ไป ตนจะไปเอง ตนก็หนีไปบ้านญาติ อยู่ในป่าในสวน ตากหมอกจนเป็นไข้ ก่อนกลับมาที่บ้านในวันนี้ ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตนอยากเริ่มชีวิตใหม่ เขาเข้ามาก็เปิดใจลองคบหา แต่กลายเป็นว่าถูกกระทำแบบนี้ อยากได้แต่เงินทองของตน ตอนนี้ไม่ต้องการกลับมาคบหากันอีก ทางใครก็ทางมัน คงเข็ดกับผู้หญิงและความรักไปอีกสักพัก

ด้าน พ่อนายโหน่ง เล่าว่า วันแรกที่เห็น อยู่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดว่าเขาคงรักกัน ชอบกันตามประสาหนุ่มสาว เห็นเขาออกมาช่วยนึ่งข้าวตอนเช้า ก็ทักทาย ช่วงอยู่ที่บ้านก็ออกมาล้างถ้วยล้างจาน ช่วยขายของ พอเขาบอกให้ไปคุยกับแม่ เราก็ไป เขาอ้างว่ากลัวแม่ด่าที่มาอยู่บ้านผู้ชาย เราก็ยินดีไปเพื่อทำให้มันถูกต้อง ตอนนั้นก็เริ่มแปลกใจแล้ว พอไปถึงบ้านก็เป็นไปอย่างที่เห็น มีการพูดคุยถึงเรื่องหมั้นหมาย แต่งงาน ตอนแรกเขาเรียกเงินมา 7.5 หมื่นบาท ตนบอกไม่มีขนาดนั้น มีแค่เงินผูกแขนตามประเพณี 2,000 บาท แม่เขาก็โยนเงินคืนมา ตนจึงเก็บเงินคืนมา ส่วนที่ว่าค่าสินสอด 5 หมื่นกับทอง 1 บาท น.ส.นิ้ง ก็พูดเองทั้งหมด ถามลูกก็บอกจะหามาเอง และที่แปลกใจคือ ต้องเซ็นสัญญา แต่ก็เซ็นๆ ไป ไม่นึกว่าเรื่องจะบานปลายถึงขนาดนี้

ขณะที่ แม่นายโหน่ง เล่าว่า เรื่องระหว่างลูกชาย และ น.ส.นิ้ง ไม่รู้อะไรมาก รู้อีกทีเขาก็มาอยู่บ้านแล้ว ช่วยขายของ ก็ให้เงินเขาวันละ 300 บาท ค่ากินค่าอยู่ เราก็ดูแลทั้งหมด วันที่ไปหาครอบครัวเขา แม่ไม่ได้ไปด้วยเพราะต้องเฝ้าร้านชำ จากที่ฟังพ่อเล่า เงินที่เขาเรียกมา เราก็หาให้ได้ แต่พ่อผูกแขนให้ 2,000 บาท เหมือนมัดจำไว้ก่อน ฝ่ายนั้นกลับโยนเงินกลับมา อ้างว่าเงินแค่นี้เอง เขาซื้ออาหารเครื่องดื่มมางานวันนั้นยังมากกว่านี้อีก เมื่อวานนี้เขาก็พานักข่าวมาที่บ้าน เขาอยากได้ค่าเสียหาย อยากได้เงินสินสอดที่เรียกไป ตอนนี้ไม่ยินยอมจ่ายอะไรทั้งสิ้น จะเรียกร้องอะไรก็ช่าง อยากได้ก็มาทำเอาเอง งานที่บ้าน ที่ไร่ที่นามีเยอะแยะมาทำเอาเอง

...