คลิปคู่รักมีเซ็กซ์ ในรีสอร์ตว่อนเน็ต นายอำเภอจี้ตำรวจ ตามหาตัว เอาผิดนำข้อมูลลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำลายภาพลักษณ์ท่องเที่ยว 

วันที่ 13 มิ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า โลกโซเชียลมีการแชร์คลิป ชายหญิง มีเพศสัมพันธ์กันในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จำนวน 3 คลิป ความยาวคลิปละประมาณ 4 นาที พร้อมระบุว่า "วังน้ำเขียวเสียว.." ทำให้เชื่อว่า การกระทำดังกล่าวเกิดในพื้นที่วังน้ำเขียว 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้หลายฝ่ายถึงกับนั่งไม่ติด โดยนายสุพจน์ แสนมี นายอำเภอวังน้ำเขียว ได้ประสานติดตามเรื่องราวจาก พ.ต.อ.พีระพงศ์ ธนโพธิ์ชัย ผู้กำกับการ สภ.วังน้ำเขียว แล้ว ซึ่งตอนนี้ทาง พ.ต.อ.พีระพงศ์ ได้สั่งการให้รองผู้กำกับฯ จัดชุดเจ้าหน้าที่ ลงไปสืบสวนหาที่มาของคลิป และสถานที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อสืบหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย เนื่องจากการนำภาพหรือคลิปของตนเอง ในลักษณะลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ หรือเว็บไซต์อื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมถึงกลุ่มลับต่างๆ ที่เปิดรับสมาชิกและมีการเรียกเก็บค่าเข้ากลุ่ม เพื่อรับชมคลิป หรือภาพลามกอนาจาร โดยผู้ที่ปรากฏในคลิป ผู้ผลิต หรือผู้นำคลิปไปเผยแพร่ ได้รับประโยชน์ใดๆ จากผู้อื่นเป็นค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287(1)

นอกจากนี้ การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้วย

...

ด้าน นายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว บอกว่า การทำกิจกรรมที่ปรากฏในคลิป ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ตนในฐานะประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยววังน้ำเขียว ขอประณามกลุ่มบุคคลที่กระทำดังกล่าว เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของอำเภอวังน้ำเขียวด่างพร้อยไปด้วย ซึ่งตนเชื่อว่า ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต ที่พักใน อ.วังน้ำเขียว ไม่ได้มีความต้องการหรือสนับสนุนให้เกิดการทำกิจกรรมเช่นนั้น อยากจะวิงวอนให้ผู้ที่คิดจะกระทำในลักษณะดังกล่าว ได้หยุดการกระทำนั้นเสีย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เอาผิดและดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป.