"บัวขาว บัญชาเมฆ" ยังงง-อยากทราบแม่ของเด็กมีจุดประสงค์อะไร หลังโดนฟ้องรับรองบุตรสาววัย 5 ขวบ พร้อมเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าเล่าเรียนรวม 25 ล้าน

กรณีนางสาวอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ หรือ เก๋ ซึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว นักมวยชื่อดังระดับโลกของไทย พร้อมทนายอนันต์ชัย ไชยเดช นำหลักฐานยื่นฟ้อง "บัวขาว" ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้ "บัวขาว" รับรอง "น้องมีตังค์" หรือ "น้องข้าวหอม" อายุ 5 ปี ให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร รวมทั้งสิ้น 25 ล้านบาท เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 เม.ย.64 หลังจาก "บัวขาว" พยายามตีตัวออกห่าง ไม่สนใจครอบครัว

โดยนางสาวอัญวีณ์ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2556 ตนเอง และบัวขาว ได้คบหากัน และอยู่กินฉันสามีภรรยา จนกระทั่งประมาณต้นปี 2558 ได้ตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน จึงแจ้งให้บัวขาวทราบว่าตั้งครรภ์ แต่เจ้าตัวไม่ได้แสดงการปฏิเสธ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่กินกันมา ตนเองทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี และซื่อสัตย์ต่อบัวขาวมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 ตนเองได้คลอด "น้องมีตังค์" ออกมา ซึ่งในใบสูติบัตรได้ระบุชื่อ นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว เป็นบิดาของน้องมีตัง ซึ่งทาง "บัวขาว" ก็รับทราบ และมิได้ทักท้วงแต่อย่างใด และยินยอมให้ใช้นามสกุล "บัญชาเมฆ" ซึ่งเป็นนามสกุลของบัวขาว ก่อนที่ บัวขาว จะพาตนเอง และลูก ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

แต่ด้วยความที่ "บัวขาว" มีอาชีพเป็นนักมวยมีชื่อเสียงระดับโลก ต้องเดินทางไปชกมวยทั้งใน และต่างประเทศ บ่อยครั้ง จึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน อีกทั้งบัวขาว มีพฤติกรรมตีตัวออกห่าง นานๆ ครั้งจะมาหาตนเองและลูก จนระยะหลังมานี้บัวขาวหายหน้าไปไม่ติดต่อกับตนเองอีกเลย เสมือนตนเอง และลูกถูกทอดทิ้ง ซึ่งที่ผ่านมา ตนเองเคยขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจาก "บัวขาว" หลายครั้ง แต่กลับเพิกเฉย จึงทำให้ตนเองต้องออกไปหางานทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และเลี้ยงดูลูกเพียงลําพังนับตั้งแต่คลอดลูก ทั้งที่ บัวขาว เป็นข้าราชการทหารยศร้อยตรี มีเงินเดือนประจํา มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และสามารถมีรายได้จากหลายทาง แต่กลับไม่ทำหน้าที่ของผู้นำครอบครัวที่ดี ด้วยเหตุนี้ นางสาวอัญวีณ์ จึงขอความอนุเคราะห์จากศาลมีคำสั่งให้ "บัวขาว" จดทะเบียนรับรอง "น้องมีตังค์" เป็นบุตร โดยให้ตนเองเป็นผู้มีอํานาจปกครอง "น้องมีตังค์" แต่เพียงผู้เดียว เพราะที่ผ่านมา "บัวขาว" ไม่เคยเลี้ยงดูบุตรมาก่อน และขอให้มีคำสั่งชําระค่าอุปการะเลี้ยงดู "น้องมีตัง" ด้วย

...

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 19 หมู่ 4 บ้านสองหนอง ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ พบกับนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว นักมวยชื่อดังระดับโลกของไทย นอนเปลอยู่ในบริเวณบ้าน ทีมข่าวได้ขอสัมภาษณ์ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ขอพูดอะไร ขออยู่เฉยๆ ตอนนี้รอทางทีมงานก่อน

บัวขาว กล่าวว่า ตนเองยังงง และอยากทราบว่าทางแม่ของเด็กมีจุดประสงค์อะไร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนก็ดูแลลูกมาตลอด แต่ช่วงนี้อาจจะดูแลได้ไม่มากนัก เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี พร้อมยอมรับว่าน้องมีตังค์เป็นลูกสาวของตนจริงๆ ประกอบกับช่วงนี้ที่ไม่ได้ไปหา เพราะช่วงนี้ตนเองกำลังทำธุรกิจรีสอร์ตที่เชียงใหม่อยู่ ก็เลยไม่ได้ไปหา บวกกับช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ระบาด ตนจึงไม่ได้เดินทางไปไหนเลย อยู่บ้านที่ จ.สุรินทร์ มาเกือบ 2 เดือนแล้ว และยังฝากบอกกับทีมข่าวอีกว่าถ้าโควิด-19 ซาลงเมื่อไหร่จะได้เห็นตนขึ้นชกมวยแน่ๆ ให้ติดตามชม

จากนั้นทีมข่าวได้พบกับนางกัญญารัตน์ บัญชาเมฆ พี่สาวของบัวขาว กล่าวว่า ช่วงนั้นน้องมีตังค์ตอนอายุราว 2 ขวบ นางสาวอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ หรือ เก๋ เคยนำน้องมีตังค์มาให้ตนเลี้ยง ได้ 2-3 เดือน นางสาวอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ หรือ เก๋ ก็มารับกลับไปเลี้ยงเอง ในส่วนที่มีกระแสข่าวขอค่าเลี้ยงดู บัวขาวจ่ายไปเยอะ 5 ปีหมดไป 20 ล้านแล้วนั้น ตนไม่รู้ในตัวเลข รู้แต่ว่าบัวขาวดูแลลูกสาวมาตลอด และช่วงนี้บัวขาวรายได้ลดลงมาก รายได้หลักจากงานโชว์ตัวต่างประเทศก็ไม่มี เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับค่ายมวยของบัวขาวเอง ลูกค้าต่างชาติก็หาย เพราะเข้าประเทศไม่ได้ และตนไม่ทราบเรื่องนี้ว่าทาง นางสาวอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ หรือเก๋ จะเรียกร้องเงินก้อนหนึ่ง โดยขอให้เอาที่นาร้อยกว่าไร่ที่สุรินทร์ไปขาย

นางกัญญารัตน์ บัญชาเมฆ ยังกล่าวอีกว่า ตนอยากให้ นางสาวอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ พูดจาคุยตกลงกันกับทางบัวขาวก่อนว่าต้องการอะไร เพราะถ้าจะเรียกร้องขอค่าเลี้ยงดูถึง 25 ล้านบาท ทางบัวขาวคงไม่มีเงินพอที่จะให้ หรือถ้าจะเอาคงต้องขายที่ขายรถให้กัน และยังบอกอีกว่าถ้าไม่พร้อมที่จะดูแลน้องมีตังค์ ทางตนก็ยินดีเอาน้องมาเลี้ยงดูให้