เด็กหญิงชั้น ป.3 ที่โคราชเคราะห์ร้าย ถูกพลุงานศพตกใส่ศีรษะสาหัส ล่าสุด อาการยังโคม่า แพทย์บอกน้องอาจอยู่ได้ไม่นาน ด้านพ่อเผยทั้งน้ำตายังทำใจไม่ได้ ส่วนคดีความให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย

กรณี พลุตกใส่ศีรษะเด็กหญิงณัฐชา สวัสดี หรือ น้องมิลค์ อายุ 10 ปี ชาวบ้าน ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ที่บริเวณหน้าโรงเรียนอาจวิทยา ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย เมื่อเวลา 15.58 น. วานนี้ (29 มีนาคม 2564) หน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดอำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา ได้รับบาดเจ็บบริเวณกลางศีรษะ เป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลนองพื้นไม่ได้สติ อาการสาหัส ต้องนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.ปักธงชัย อย่างเร่งด่วน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของ พนักงานสอบสวน สภ.ปักธงชัย พบว่า เป็นสะเก็ดพลุขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ทำด้วยท่อพีวีซี ซึ่งคาดว่าเป็นพลุในงานฌาปนกิจศพที่วัดหน้าพระธาตุ ที่ญาติผู้วายชนม์ได้มีการจุดพลุเพื่อส่งดวงวิญญาณตามประเพณี

พลุดังกล่าวได้ตกลงมาจากท้องฟ้า กระแทกเข้ากลางศีรษะของ ด.ญ.ณัฐชา ขณะกำลังเดินออกไปยืนรอแม่มารับกลับบ้าน ทำให้ ด.ญ.ณัฐชา ล้มหงายท้องทั้งยืน มีแผลฉกรรจ์เลือดไหลออกจากศีรษะนองพื้น หมดสติทันที และสะเก็ดของพลุยังกระเด็นไปถูกนักเรียนชายและหญิงอีก 2 คน บาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งครูและผู้ปกครองที่เห็นเหตุการณ์ได้รีบเข้ามาปฐมพยาบาล และแจ้งพยาบาลกับกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือปั๊มหัวใจเด็กหญิงณัฐชา ก่อนนำส่งรักษาที่ รพ.ปักธงชัย แต่เนื่องจากมีอาการสาหัสและเสียเลือดมาก จึงต้องส่งต่อไปรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เข้าห้องไอซียูเพื่อช่วยชีวิต ด.ญ.ณัฐชา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (30 มีนาคม 2564) นายนิรุตติ สวัสดี อายุ 41 ปี พ่อเด็กหญิงณัฐชา เปิดเผยทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ตอนนี้น้องมิลค์ยังโคม่า อาการหนักมาก ใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ วันเกิดเหตุตอนเช้าน้องมิลค์ปั่นจักรยานไปโรงเรียน แต่ตอนเย็นเดินกลับ ก็คาดว่าน่าจะลืม จึงเดินกลับกับเพื่อน โดยแพทย์ที่เฝ้าดูอาการบอกมาตรงๆ ว่า น้องมิลค์ไม่น่าจะอยู่ได้นาน แต่ตนยังมีความหวังอยู่ เพราะน้องมิลค์เป็นลูกคนเดียว เป็นคนร่าเริง สนุก ชอบคุย ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุใดๆ และเช้าในวันเกิดเหตุ ตนและภรรยาก็รีบไปทำงาน ไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก มารู้อีกทีว่าลูกประสบอุบัติเหตุก็ตอนที่ภรรยาโทรไปแจ้งข่าวในช่วงเย็น ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ ส่วนเรื่องคดีความให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนเรื่องอื่นๆ ค่อยพูดคุยกันอีกที

ขณะที่ นางจิตใส คำโฆษิต อายุ 74 ปี ป้าของเด็กหญิงณัฐชา ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า เวลาประมาณ 16.00 น. เด็กนักเรียนชั้น ป.1-ป.3 จะเลิกเรียนก่อน และทยอยกันกลับบ้าน ซึ่งในช่วงเกิดเหตุได้ยินเสียงดังโครม ผู้ปกครองที่มารอรับลูกหลานต่างพากันตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบวิ่งข้ามถนนไปดู ก็พบว่าเป็นหลานของตัวเองที่ประสบเหตุ มีคนนำร่มมากางบังแดดให้เพราะน้องมิลค์นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นถนน พยายามร้องเรียกหลานตลอดเวลา และสังเกตเห็นว่า มีชิ้นส่วนของพลุทิ่มไปที่กลางศีรษะของหลาน ส่วนตำรวจก็เดินไปบริเวณใกล้เคียงเก็บซากพลุที่หักใส่ถุงไว้เป็นหลักฐาน รอรถพยาบาลนำหลานไปส่งรักษา แต่ก็นำไปไม่ได้เพราะไม่มีเครื่องช่วยหายใจ รอจนคันที่ 3 มาถึง จึงสามารถนำหลานส่งโรงพยาบาลได้ และเมื่อมารู้ว่าอาการสาหัสมาก ก็รู้สึกเป็นห่วง ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับลูกหลานของตนเอง

ส่วนที่บริเวณเมรุเผาศพวัดหน้าพระธาตุพบว่า บริเวณที่ตั้งของเมรุเผาศพในหมู่บ้าน ห่างจากตัวโรงเรียนที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร โดยบริเวณด้านหลังเมรุพบร่องรอยการจุดพลุงานศพทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ปัจจุบันชาวบ้านมักจุดพลุในงานศพโดยใช้พลุแบบใหม่ที่มีเสียงดัง และแตกกระจายในท้องฟ้า ซึ่งพลุแบบนี้จะไม่ค่อยมีเศษพลุตกลงมาด้านล่าง ขณะที่วันเกิดเหตุคนจุดพลุได้ใช้พลุตะไลซึ่งทำจากไม้ จึงทำให้มีเศษของไม้ร่วงหล่นลงมายังพื้นด้านล่าง

...

ส่วนด้านคดีความ พันตำรวจเอก ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผู้กำกับการ สภ.ปักธงชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำตัวชาย 2 คนที่จุดพลุตะไลในงานศพขณะเกิดเหตุ มาสอบปากคำแล้ว โดยทั้งสองคนให้การยอมรับว่า เป็นผู้จุดพลุตะไลจริง ซึ่งก่อนจุดพลุตะไล ทางคนจุดอ้างว่า ได้หันพลุตะไลไปทางทุ่งนาซึ่งไม่มีผู้คนแล้ว แต่ช่วงเกิดเหตุมีลมพัดแรง คาดว่า แรงลมได้พัดพลุตะไลที่จุดหล่นลงมาในที่ชุมชน จนเป็นเหตุทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งดำเนินคดีกับชายสองคนที่จุดพลุ ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสแล้ว.