ชื่นชมครอบครัวสาวใหญ่ใจบุญ อายุ 50 ปี ที่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ สมองตายจากอุบัติเหตุ ตัดสินใจบริจาคอวัยวะลูกสาว นำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยรายอื่นได้อีก 4 ชีวิต เพื่อทำบุญใหญ่ให้ลูกเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อกลางดึกวันที่ 31 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก พญ.นาตยา มิลล์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบึงกาฬ ว่า มีผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุทางถนน ในพื้นที่อำเภอโซ่พิสัย สมองตาย ครอบครัวของผู้ป่วยประสงค์จะบริจาคอวัยวะให้กับบุคคลอื่น ซึ่งจะมีการผ่าตัดนำอวัยวะส่งต่อให้กับผู้ป่วยภายในคืนนี้ ที่โรงพยาบาลบึงกาฬ โดยมีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสภากาชาดไทยเดินทางมาผ่าตัดเอาอวัยวะ ทั้งนี้คณะแพทย์ได้ใช้เวลาผ่าตัดอวัยวะประมาณ 2 ชั่วโมง
หลังจากการผ่าตัดเสร็จคณะแพทย์ พยาบาล ที่ร่วมกันทำพิธีขอขมา และยืนคารวะผู้ป่วย ก่อนจะนำอวัยวะ ตา 2 ข้าง และไต 2 ข้าง ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งสภากาชาดไทย นำไปผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะให้กับผู้ป่วยรายอื่นต่อไป ซึ่งการเดินทางมารับและนำส่งอวัยวะในครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ คอยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่
...
นพ.กมล แซ่ปึง รองผอ.รพ.บึงกาฬ กล่าวว่า เคสนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในจังหวัดบึงกาฬ ที่ผู้ป่วยบริจาคอวัยวะ ผู้ป่วยรายนี้ได้ประสบอุบัติเหตุทางถนน รถจักรยานยนต์ล้ม ทำให้สมองกระทบกระเทือนจนสมองตาย ซึ่งจากการตรวจของแพทย์ไม่สามารถจะรักษาให้กลับคืนเป็นปกติได้ ซึ่งคณะแพทย์ได้ปรึกษากับครอบครัวของผู้ป่วยจนเข้าใจและมีความประสงค์ที่จะบริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทยเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่น ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญให้กับตัวผู้ป่วยก่อนที่จะเสียชีวิต จากการตรวจของแพทย์พบว่าผู้ป่วยรายนี้สามารถบริจาคไตได้ 2 ข้าง ดวงตา 2 ข้าง ซึ่งสามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นได้อีก 4 ราย ถือว่าเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ และขอกุศลที่ผู้เสียชีวิตได้บริจาคอวัยวะในครั้งนี้จงนำไปสู่ภพภูมิที่ดี
ด้าน นายหนูใจ เลิศสงคราม อายุ 80 ปี พ่อของ น.ส.วิไลวรรณ เลิศสงคราม อายุ 50 ปี (ผู้ป่วย) กล่าวว่า ลูกสาวคนนี้เป็นคนที่ 3 ของลูกๆ ทั้ง 5 คน ได้ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอโซ่พิสัย และส่งต่อมายังโรงพยาบาลบึงกาฬ ซึ่งแพทย์ได้แจ้งว่าสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนสมองตาย ไม่สามารถรักษาได้ จึงได้ปรึกษาทีมแพทย์ และครอบครัว ตกลงมอบอวัยวะให้กับแพทย์เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นที่ยังรอโอกาสอยู่
พ่อของผู้บริจาคอวัยวะ กล่าวอีกว่า หลังได้รู้จากหมอว่าลูกสาวสมองตายแล้ว แต่อวัยวะต่างๆ ยังดีอยู่ อยากจะทำบุญร่วมบริจาคอวัยวะให้กับลูกสาวไหม หลังได้ยินเท่านั้นแหละผม ความรู้สึกภูมิใจและยินดีเลย ในชีวิตถือว่าครั้งนี้เป็นการทำบุญใหญ่ที่สุด กฐินทอด กฐินถวายก็ไม่เท่ากับการบริจาคอวัยวะให้ผู้อื่น เพราะเราได้ต่อชีวิตให้ผู้อื่น บุญกุศลในครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่มากนัก สุดท้ายอยากเชิญชวนพี่น้องไม่ว่าจะเป็นชาวจังหวัดบึงกาฬ หรือทั้งประเทศไทย ถ้าคิดได้ขอให้ท่านทำไปเถอะ บริจาคไปเถอะ ดีกว่าจะเอาร่างกายเอาอวัยวะไปเผาทิ้งเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย บุญกุศลส่วนนี้หาที่เปรียบไม่ได้ ดินและฟ้า มหาสมุทร ก็ยังโตไม่เท่าส่วนนี้เลย
...
ขณะที่ น้องสาวของ น.ส.วิไลวรรณ กล่าวว่า ครั้งที่พี่สาวยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพูดคุยกันเป็นประจำ เวลาดูข่าวว่ามีการบริจาคอวัยวะ เอาไปช่วยเหลืออีกหลายชีวิตที่เขารออยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอวัยวะของเราไหม เพราะเราทำงานหนัก ถ้าเขาเอาเราก็พร้อมที่จะให้ถ้ามันเป็นประโยชน์กับคนอื่น หากว่าตายไปแล้ว ดีกว่าจะเอาไปเผาทิ้ง สิ่งที่บริจาคไปจะช่วยได้หลายชีวิต ซึ่งก็คุยกันมาตลอด ที่สำคัญพี่สาวเป็นคนชอบทำบุญ ตลอดชีวิตของเขาเป็นคนชอบไปวัด ไหว้พระสวดมนต์ ทั้งในพรรษาและนอกพรรษา และจะไปปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยๆ หลังจากแพทย์แจ้งให้ทราบว่าไม่มีทางรักษาพี่สาวได้ ทางครอบครัวและคณะแพทย์ก็ได้พูดคุยกัน อยากให้พี่สาวทำบุญเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งก็คิดว่าพี่สาวน่าจะภูมิใจในสิ่งที่พี่น้องได้ตัดสินใจบริจาคอวัยวะในครั้งนี้.