ชุด"พยัคฆ์ไพร" ร่วม กอ.รมน. ศปป.4 บุกทวงคืนผืนป่าในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำโสม-นายูง จ.อุดรฯ กว่า 1.2 พันไร่ คาดฝีมือนายทุนรายใหญ่ที่จ้างชาวบ้านเป็นนอมีนิ พร้อมเตรียมนำขยายผลสาวนักการเมืองท้องถิ่นร่วมขบวนการ...
เมื่อวันที่ 5 เม.ย.62 นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) พร้อมสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 อุดรธานี , ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ , กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทหารบก และฝ่ายปกครองอำเภอบ้านผือ ลงตรวจยึดพื้นที่สวนปาล์ม สวนยางพารา และบ้านพัก ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำโสม-นายูง ในพื้นที่ ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
จากการเข้าตรวจสอบพบว่า นายทุนรายใหญ่เข้ามาถือครองที่ดิน รวบรวมกันเป็นแปลงขนาดใหญ่ โดยส่งคนเข้ามาควบคุมดูแล และมีนักการเมืองท้องถิ่นเป็นผู้จัดการ เดิมได้บุกรุกแพ้วถางป่าปลูกกล้วยปลูกมัน จากนั้นได้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา สร้างบ้านพัก ปัจจุบันก็ยังคงบุกรุกป่าต่อเนื่อง ด้วยการลักลอบตัดต้นไม้ ด้วยการสับเปลือกหรือกระพี้ ออกให้ยืนต้นตาย โดยยังปรากฏให้เห็นขณะตรวจยึด พร้อมกันนี้ยังตรวจพบ "บัญชีน้ำยางพารา" ที่มียอดซื้อขายวงเงินเดือนละ 1 ล้านบาท จึงเป็นลักษณะนายทุน ไม่ใช่เป็นชาวบ้านทั่วไป
...
นายนฤพนธ์ เปิดเผยว่า รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีนายทุนเข้ามาจ้างชาวบ้านปลูกปาล์มน้ำมันและยางพารา ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำโสม-นายูง ในพื้นที่ หมู่ 12 ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จึงเข้าสืบสวนทางลับนานหลายเดือน จนพบว่ามีการบุกรุกจริง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้าตรวจสอบ พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน 10 แปลง พื้นที่ 1,212 ไร่ ตอนนี้ได้ตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมดไว้แล้ว ระหว่างการตรวจสอบพบการลักลอบทำลายไม้ 1 ราย ทราบชื่อว่า นางแจ่มศรี โพธิ์เพรชเล็บ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 13 ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม อุดรธานี ปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ และในการลงพื้นที่ได้ตรวจยึดบัญชีรายจ่าย ของการรับซื้อน้ำยางแต่ละวัน โดยมียอดการรับซื้อเดือนละเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งชี้ชัดได้เลยว่าพื้นที่นี้ไม่ใช้ชาวบ้านที่ยากจนมาทำกินอย่างแน่นอน
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4 กอ.รมน.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การบุกรุกนี้ถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับการครอบครองของนายทุนรายนี้เป็นนายทุนที่รายใหญ่ โดยถือที่ดินรายเดียวเป็นพันไร่ โดยใช้วิธีการให้ชาวบ้านเป็นนอมินีถือครองแทน ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่กลุ่มนายทุนใช้ถือครองป่าสงวนประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุดรธานี ติดตามคดีและขยายผลในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้มีอิทธิพล หรือการปล่อยเงินกู้นอกระบบหรือไม่ เพื่อหาตัวคนผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะเดียวกันเตรียมเอาผิดกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ถึงที่สุด.