ผู้ประกอบการให้เช่าคลังสินค้า ขอความเป็นธรรมผ่านไปยัง อคส.และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ขนกองข้าวเน่าบริเวณหน้าคลัง จำนวน 20,000 กระสอบ หรือ 2,000 ตัน อคส.มาเช่าเก็บสมัยโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” กองคาไว้ 8 ปีิ ไม่รับผิดชอบ ได้รับผลกระทบต่อภาพลักษณ์ เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ  

เวลา 10.00 น. วันที่ 21 ส.ค. 66 นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ผู้ประกอบการ บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 99/1 หมู่ 2 ต.ธำมรงค์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เปิดเผยผ่านสื่อฯ พร้อมเรียกร้องขอความเป็นธรรมว่า สืบเนื่องมาจากที่องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. มาเช่าคลังของบริษัท สิงห์โตทองฯ เมื่อปี 2557 คลังสินค้าหลังที่ A1 เพื่อกองข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แต่เมื่อปี 2558 ประมาณเดือนพฤษภาคม ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในคลังสินค้า ทางองค์การคลังสินค้าได้มาขนย้ายข้าวออกจากคลัง กรณีที่เสียหายจากการดับเพลิงหรือไฟไหม้ โดยขนย้ายมาไว้บริเวณหน้าคลังสินค้าแห่งนี้อยู่ประมาณ 4,000 ตัน หรือ 4 หมื่นกระสอบ ในเวลานั้น

...

ต่อมาทางบริษัทได้ทำหนังสือถึงองค์การคลังสินค้าหลายฉบับด้วยกัน ให้มาขนย้ายข้าวสารหน้าคลังสินค้าแห่งนี้ เข้าไปเก็บภายในคลังสินค้าที่เกิดไฟไหม้เดิม ซึ่งมีการเคลียร์พื้นที่แล้ว แต่องค์การคลังสินค้าได้บ่ายเบี่ยงตลอดเวลา และไม่เคยมาสนใจข้าวสารที่เป็นทรัพย์สินของภาครัฐ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ณ เวลานั้น

กระทั่งปี 2563 องค์การคลังสินค้าได้ประกาศขายเปิดประมูลเป็นข้าวพลังงาน ซึ่งเอกชนผู้ชนะการประมูลได้มาขนย้ายข้าวจำนวนหนึ่งออกจากคลังสินค้า เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2563 แต่ขนย้ายออกไปไม่หมด ขนย้ายออกไปบางส่วน คือในคลังหลัง A1 ขนย้ายออกไปทั้งหมด ซึ่งในเวลานั้นบริเวณหน้าคลังมีกองข้าวอยู่ประมาณ 4,000 ตัน หรือ 40,000 กระสอบ ผู้ชนะการประมูลได้มาขนย้ายออกไปเพียงครึ่งเดียว ประมาณ 20,000 กระสอบ หรือ 2,000 ตัน

"ขณะนี้ยังมีข้าวเน่ากองอยู่อีก 2,000 ตัน หรือ 20,000 กระสอบ ซึ่งทางบริษัทได้ติดต่อประสานงานไปยังองค์การสินค้าอยู่ตลอดเวลา แจ้งว่าข้าวเน่าที่อยู่หน้าคลังสินค้าของบริษัทแห่งนี้ ทำให้เสียภาพลักษณ์บริษัทเป็นอย่างมาก เกิดเน่าเหม็นและมีลูกค้าที่มาเยี่ยมเยียน มาติดต่อซื้อขายกับบริษัท ได้เดินเข้ามาเห็นกองข้าว ทำให้บริษัทเสียภาพลักษณ์ในการค้าขายอย่างมาก ทางบริษัทขอวิงวอนเรียกร้องกับองค์การคลังสินค้าว่า ให้มาดำเนินการขนย้ายข้าวที่ได้ประมูลขายให้กับเอกชนผู้ชนะการประมูลไปแล้ว แต่ผู้ชนะการประมูลไม่มาขนย้ายออกไป ประกอบกับข้าวสารบางส่วนในจำนวนนี้ องค์การสินค้าได้เบิกค่าสินไหมประกันภัย กรณีที่เกิดไฟไหม้ไปแล้วบางส่วน เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านบาท ก็ยังไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นซากของประกันภัย ส่วนไหนเป็นข้าวของ อคส.ที่ผู้ซื้อยังไม่มาขนย้ายออกไป

ทั้งนี้ทั้งนั้นคือทำให้ภาพพจน์ของบริษัทเสียหาย ปัจจุบันองค์การคลังสินค้าก็ยังมาเช็กสต๊อกในข้าวจำนวนนี้ปีละ 2 ครั้ง อคส.ก็รู้ดีว่าเป็นทรัพย์สินในความดูแลรับผิดชอบของ อคส. แต่ปรากฏว่า อคส.กลับเพิกเฉย ไม่มาดูแล ทั้งที่ข้าวสารจำนวนนี้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 30 ล้านบาท ก็ขอวิงวอนให้สื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบองค์การคลังสินค้าที่เพิกเฉย และทรัพย์สินของรัฐเกิดความเสียหายในครั้งนี้ด้วย 

"ทางเจ้าของคลังไม่กล้าขนย้ายออก เพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐ ได้แต่พยายามหาหนทางติดต่อประสานกับองค์การคลังสินค้า ชี้แจงด้วยเอกสารต่างๆ แล้ว แต่องค์การคลังสินค้าก็ยังเพิกเฉย ประกอบกับมีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการคลังสินค้ามาแล้วหลายคน และยังมีการบ่ายเบี่ยงมาตลอดเวลา มาวันนี้ผู้ประกอบการไร้ที่พึ่ง จึงได้ออกมาร้องกับสื่อ เปิดเผยถึงพฤติกรรมขององค์การคลังสินค้าที่ไม่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินของรัฐ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ และทางบริษัทได้รับความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือต่อการประกอบธุรกิจ และอาจกระทำผิดกฎหมาย หากไปขนย้ายทำลายทิ้งกองข้าวเน่าจำนวนนี้ เพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐ ดังนั้น หากองค์การคลังสินค้าไม่มาดำเนินการ ผู้ประกอบการที่ค้าขายข้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะกลายเป็นสถานที่สำหรับทิ้งข้าวเน่าขององค์การคลังสินค้า ที่ไร้ความรับผิดชอบกับปัญหานี้".

...