สาวเชียงใหม่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่จดทะเบียนไม่ได้ บริษัทรถ POCCO ออกมาแถลงแสดงความรับผิดชอบ ยินดีซื้อรถคืนให้ลูกค้าเต็มราคาที่ซื้อไป ล่าสุดยังคืนไม่ได้ ต้องรอเคลียร์ยอดกับไฟแนนซ์ 15 วัน และเป็นรถคนละรุ่นกับที่จะคืนเงินให้ 100% กลัวจะเป็นแค่การถ่วงเวลาออกไป มีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้ป้ายทะเบียนเตรียมไปร้องสคบ.  

วันที่ 7 มิ.ย. 66 กรณี นางสาวสิพิมพ์ มนัสสวัสดิ์ อายุ 32 ปี สาวนักธุรกิจที่เชียงใหม่ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ POCCO เป็นรถนำเข้าจากจีน ราคาคันละ 449,000 บาท โดยจ่ายเงินดาวน์รถคันนี้เป็นเงิน 1 แสน 9 หมื่นบาท พร้อมกับทำสัญญาผ่อนกับไฟแนนซ์ โดยไปซื้อกับที่ศูนย์รถที่สาขาศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ ออกรถมาปกติ ซึ่งทางร้านก็ได้ติดป้ายแดงมาให้ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดรถในเล่มเช่าป้ายแดง ซึ่งพนักงานแจ้งว่ารอป้ายทะเบียนจริงอีกประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นผ่านไป 3 เดือน พยายามทวงถามเรื่องป้ายทะเบียน แต่มีการบ่ายเบี่ยงให้รอเวลามาตลอด จนผ่านมาครบ 1 ปีก็ยังไม่ได้ป้ายทะเบียน แถมตอนนี้ประกันชั้น 1 ก็หมดลง ไม่สามารถต่อได้เนื่องจากไม่มีเล่มทะเบียน จึงนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์พร้อมกับร้องเรียนผ่านทางสื่อมวลชน และได้ไปออกรายการข่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากที่เป็นข่าวดังไม่ทันข้ามวันก็ได้รับการติดต่อกลับจากบริษัทที่จำหน่ายรถ POCCO ทันที

...

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทางบริษัทที่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า POCCO ได้ออกประกาศเรื่อง การแสดงความรับผิดชอบ ความว่า "สืบเนื่องจากกรณีการจดทะเบียนล่าช้าของ POCCO เนื่องจากกรณีที่ลูกค้าได้ทำการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า POCCO และเกิดปัญหาเรื่องของการจดทะเบียน รถยนต์ไฟฟ้า POCCO ล่าช้า ทางบริษัทฯ มิได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยประสานงานกับทางหน่วยงานของรัฐเพื่อให้ POCCO สามารถจดทะเบียนได้เร็วที่สุด เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจ และความตั้งใจในการแก้ปัญหา บริษัทขอแสดงความรับผิดชอบดังนี้ ลูกค้าที่ได้ทำการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า POCCO และยังไม่ได้จดทะเบียนป้ายขาว หากลูกค้าท่านใดเกิดความไม่สบายใจกับกรณีที่เกิดขึ้น และไม่ประสงค์จะรอการจดทะเบียน ทางบริษัทยินดีที่จะทำการซื้อคืนรถยนต์ไฟฟ้า POCCO เต็มราคาที่ลูกค้าได้ซื้อไป เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสบายใจ และไว้วางใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า POCCO อย่างไรก็ตามบริษัทขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และยินดีที่จะแสดงความรับผิดชอบทุกประการ ทั้งนี้บริษัทพร้อมปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพในทุกๆ ด้าน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าทุกท่านต่อไป"

ล่าสุดวันที่ 7 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้ากับผู้เสียหาย โดย นางสาวสิพิมพ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตกเป็นข่าวก็ได้รับการติดตามจากทางค่ายรถดังกล่าวทันที ทั้งๆ ที่ผ่านมาเป็นเวลาปีกว่าที่ติดตามป้ายทะเบียนแต่ไม่ได้ความคืบหน้าเลย แถมถูกบ่ายเบี่ยงตลอด เชื่อว่าที่ทางค่ายรถดังกล่าวรีบติดต่อมาเพราะตกเป็นข่าว เบื้องต้นพยายามเจรจาเรื่องของความรับผิดชอบ และอธิบายว่าสาเหตุที่ทำให้จดทะเบียนล่าช้าเกิดจากขั้นตอนของการประสานงานกับทางราชการ แต่ตนและผู้เสียหายที่ได้รวมกลุ่มพูดคุยกันก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าจะได้ป้ายทะเบียนรถเมื่อไหร่ 

หลังจากที่มีการประกาศออกมาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา เรื่องของรับผิดชอบคืนเงิน แต่ทราบว่าเฉพาะผู้ที่ซื้อรถรุ่นนี้ลอตแรกกว่า 100 คันเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์คืนเงินเต็มจำนวน แต่ส่วนของตนได้รับการติดต่อล่าสุดเมื่อวานนี้ (6 มิถุนายน) ซึ่งทางค่ายรถอ้างว่าของตนเป็นรถเคสที่ทำสัญญากับไฟแนนซ์ จึงต้องรอเคลียร์เรื่องยอดเงินกับไฟแนนซ์ ขอเวลา 15 วัน ซึ่งตนมีความประสงค์จะขอเงินคืนเช่นเดียวกับผู้เสียหายรายอื่น แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องรอนานถึง 15 วัน เพราะได้ติดต่อกับทางไฟแนนซ์แล้ว ว่าจะทำเรื่องเสร็จและส่งให้บริษัทรถภายในวันนี้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องรอถึง 15 วัน และที่สำคัญไม่มีหลักประกันอะไรออกมาอย่างเป็นทางการ เช่น หนังสือ หรือเอกสารแสดงความรับผิดชอบที่เป็นลายลักษณ์อักษร

"นอกจากนี้แล้วก็ยังไม่รู้ว่าวิธีการขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ตามที่กล่าวอ้างมาเป็นเช่นไร เพราะเมื่อถามกลับก็ยังถูกอ้างไปถึงผู้บริหารต่ออีก ตอนนี้แม้จะมีการออกจดหมายแสดงความรับผิดชอบมาแต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ ตอนนี้ทำได้ก็เพียงแต่รอดูว่า เมื่อถึงเวลากำหนดจะเป็นอย่างไร ส่วนรถต้องจอดทิ้งไว้ที่บ้านเพราะเอกสารอะไรก็ไม่มีแม้ป้ายแดงที่ติดมาให้ก็ไม่ได้ลงข้อมูลของรถคันนี้ ที่สำคัญคือประกันชั้น 1 ที่ทำไว้ก็หมดจึงต้องจอดทิ้งไว้ที่บ้านไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้"

...

นางสาวสิพิมพ์ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามกลุ่มผู้เสียหายด้วยกัน ก็ยืนยันว่าทั้งหมดยังไม่ได้ป้ายทะเบียนรถในรุ่นนี้เลยสักคัน หลายคนเตรียมที่จะดำเนินการร้องเรียนไปกับทาง สคบ.ควบคู่กันไป เนื่องจากกลัวว่าการออกจดหมายแสดงความรับผิดชอบนี้ อาจเป็นเพียงการถ่วงเวลาออกไปอีกเท่านั้น จึงอยากให้ทางผู้บริหารของบริษัทออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ และเป็นทางการเพื่อความมั่นใจมากกว่านี้ และอยากให้เร่งรัดในการดำเนินการคืนเงินให้ลูกค้าที่เสียหายโดยเร็วที่สุด.