เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของทุกปี จ.เชียงราย คือหนึ่งในจังหวัดเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่อยากไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ในช่วงฤดูหนาวของจังหวัดแห่งนี้
ความลึกซึ้งของอากาศหนาวสำหรับนักท่องเที่ยว ต่างกันกับความรู้สึกของชาวบ้านในพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับความหนาวเย็นกันตลอดทั้งช่วงฤดู
อย่างไรก็ตาม ทุกปีจะมีหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนทยอยนําเครื่องนุ่งห่มไปมอบให้ประชาชนบนยอดดอยที่ขาดแคลนผ้าห่มเพื่อผ่อนคลายความหนาว
...
ขณะที่ความหนาวเย็นไม่ได้กระทบแค่คนบนดอยเท่านั้น คนบนพื้นราบ ตีนดอย ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ดังนั้น ปีนี้ นายสงกรานต์ โสภามา นายก อบต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ซึ่งทราบว่า บริษัท เคหะสุขประชา (มหาชน) มีโครงการดีๆเพื่อช่วยเหลือประชาชนแบบครอบคลุม จึงได้ทำหนังสือขอความช่วยเหลือไป
นับว่าไม่ผิดหวัง เพราะ บริษัท เคหะสุขประชา (มหาชน) ได้ตอบรับด้วยกิจกรรมโครงการ “เคหะสุขประชาร่วมใจมอบไออุ่น”
มอบผ้าห่ม 1,000 ผืน ให้กับประชาชนพื้นราบที่ยังขาดแคลน
โดยมี นายพิษณุพร อุทกภาชน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคหะสุขประชา จํากัด (มหาชน) ประธานจัดกิจกรรมโครงการ “เคหะสุขประชา ร่วมใจมอบไออุ่น” ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ นําทีมไปมอบให้ถึงที่
ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านเพราะเป็นครั้งแรกที่มีผู้ใหญ่ใจดีเข้ามาช่วยเหลือประชาชนพื้นที่ราบแห่งนี้
สำหรับภารกิจหลักของ บมจ.เคหะสุขประชา นั้น นายพิษณุพร อุทกภาชน์ กล่าวว่า คือการสร้างบ้านเช่า 100,000 หน่วย ในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อครัวเรือนเปราะบางผู้มีรายได้น้อย 4 กลุ่ม
ประกอบด้วย กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มคนโสด กลุ่มคนทํางาน และกลุ่มครอบครัว ให้มีโอกาส เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพ
ด้วยแนวคิดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “บ้านเคหะสุขประชา” จึงเป็นบ้านที่มาพร้อมการสร้างอาชีพ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีรายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืนตามความเหมาะสมของโครงการในแต่ละพื้นที่
...
สำหรับโครงการ “เคหะสุขประชาร่วมใจมอบไออุ่น” เป็น 1 ในกิจกรรมที่ทางบริษัทฯจัดขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม
ครั้งแรกที่ทีมงานได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องผ้าห่มจาก อบต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง ก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เมื่อเห็นชาวบ้านมากันมาก และมีหลายหน่วยงานให้การสนับสนุนร่วมบริจาคสมทบ ทําให้คิดได้ว่าพวกเรามัวแต่มองคนบนดอย ไม่ได้
มองคนตีนดอยที่ต้องการความช่วยเหลืออีกหลายเรื่องเช่นกัน
ดังนั้น โครงการนี้จึงเป็นโครงการนําร่อง ต่อไปจะได้ติดต่อขอความร่วมมือสนับสนุนจากหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันจัดกิจกรรมอีกหลายอย่าง
...
รวมทั้งนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาอาชีพ ที่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการของแต่ละพื้นที่ด้วย
“ปัจจุบันโครงการบ้านเคหะสุขประชามีรูปแบบอาชีพ 6 ด้านด้วยกัน ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพบริการชุมชนและชุมชนข้างเคียง ตลาด อุตสาหกรรมขนาดเล็ก และศูนย์การ ค้าปลีกค้าส่ง...
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้นๆ เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย” นายพิษณุพร กล่าว
นับเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่จัดกิจกรรมดีๆ เพื่อช่วยเหลือผู้คนในสังคมที่ได้รับความทุกข์ร้อน.
วีระชัย ปทุมชัย