จากกรณีเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ Part 5.2 ได้โพสต์ “คลิปใส่สบงแล้วทรงยำเนื้อ ถถถ เจ้าอาวาสวัดหนึ่งในสุโขทัย..” เป็นภาพพระรูปหนึ่งกำลังสูบกัญชาอยู่ในกุฏิ โดยผู้โพสต์เคยบวชเป็นพระลูกวัดที่วัดแห่งนี้ เผยว่าเห็นพฤติกรรมของพระรูปนี้ นอกจากสูบกัญชาแล้วยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายเรื่อง

ล่าสุด วันที่ 2 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากคลิปดังกล่าว สร้างความเสื่อมเสียแก่วงการผ้าเหลือง ได้พบกับ พระครูสมุห์สำรวย ปุญญกาโม หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "พระครูแมว" เจ้าอาวาสวัดฤทธิ์ศิริราษฎร์เจริญธรรม ม.4 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.สุโขทัย กำลังนั่งให้ข้อมูลกับกับ นายสุเทพ คุ้มแสง รก.ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สุโขทัย และ พระครูประภาตธรรมานันท์ รองเจ้าคณะอำเภอเมืองสุโขทัย, พระครูโสภิตกิจจานุกูล เจ้าคณะตำบลเมืองเก่า เขต1, พระครูสุจิตเขมาภิรมย์ เจ้าคณะตำบลบ้านสวน, พระครูขันติพลธาดา พระวินยาธิการอำเภอเมืองสุโขทัย โดยมี นายสมควร มารอด กำนัน ต.บ้านสวน พร้อมชาวบ้านที่ทราบข่าว พากันมาให้กำลังใจเจ้าอาวาสกันเต็มศาลาวัด

...

พระครูแมว ยอมรับว่า พระสงฆ์ในคลิปคือตนเอง โดยถูกแอบถ่ายไว้ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่เข้าไปคุยธุระในกุฏิของพระลูกวัดรูปหนึ่ง เมื่อเข้าไปในกุฏิพบว่าพระรูปนั้นกำลังนั่งดูดกัญชาอยู่ จึงว่ากล่าวตักเตือนไป แต่ด้วยความที่ตนมีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน และเคยศึกษาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตว่า กัญชาใช้รักษาเบาหวานได้ จึงขอทดลองดูดเผื่ออาการจะดีขึ้น ปรากฏดูดไปได้เพียง 2-3 ครั้ง ก็สำลัก จึงขอตัวกลับออกมา ไม่คิดว่าจะถูกแอบถ่ายคลิปเอาไว้ "ที่มีคลิปหลุดออกมาอาตมาคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของพระรูปนั้นซึ่งเกิดความแค้นที่อาตมาเคยว่ากล่าวตักเตือนเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด และปัจจุบันได้สึกออกจากวัดไปแล้ว"

ด้านพระครูขันติพลธาดา พระวินยาธิการอำเภอเมืองสุโขทัย เปิดเผยว่าคณะสงฆ์ ได้เห็นคลิปดังกล่าวตั้งแต่ ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้ว ได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งพระครูสมุห์สำรวย ปุญญกาโม เจ้าอาวาสวัดฤทธิ์ศิริราษฎร์เจริญธรรม ยอมรับว่าได้เสพกัญชาจริง เพียงเพื่อทดลองรักษาโรคเบาหวานเท่านั้น ซึ่งคณะสงฆ์ได้มีบทลงโทษและภาคทัณฑ์แล้ว

ขณะที่นายสุเทพ คุ้มแสง รก.ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.สุโขทัย กล่าวว่า หลังทราบข่าวจึงได้เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที เบื้องต้นขณะนี้ กัญชาได้ถูกถอดจากบัญชียาเสพติดไปแล้ว ทางคดีถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ส่วนทางวินัยสงฆ์ต้องให้คณะสงฆ์เป็นผู้พิจารณากันเอง ซึ่งทราบว่าก็ได้มีการภาคทัณฑ์ไปแล้ว.