กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชี้ผลสำเร็จจากโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น พัฒนากาแฟไทย จนคว้ารางวัลที่ 3 อาราบิกาแบบแห้ง และทายาทสหกรณ์คว้าที่ 2 อาราบิกาแบบกึ่งแห้ง จากประกวดโครงการสุดยอดกาแฟไทย ประจำปี 2565

วันที่ 27 ก.ค. 65 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผลสำเร็จจากโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) "โครงการการจัดการหลังเก็บเกี่ยวและการพัฒนาฐานชุมชนสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน (กาแฟอาราบิกา)" ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ด้านการเชื่อมโยงท้องถิ่นสู่ท้องถิ่น (Local to Local Linkage) โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด พัฒนาต่อยอดอาชีพเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟ ภายใต้แบรนด์ "Doi Saket Coffee Green" ไม่เพียงการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนมั่นคงแก่เกษตรกรสมาชิกแล้ว ยังช่วยสร้างความสมดุลอย่างยั่งยืนระหว่างผืนป่ากับชุมชนให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างดี

ล่าสุดสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ คว้ามาได้ 1 รางวัล จากการประกวดโครงการสุดยอดกาแฟไทย ประจำปี 2565 (Thai Coffee Excellence 2022) โดยได้รับรางวัลอันดับที่ 3 ประเภทกาแฟอาราบิกาแบบแห้ง (Dry / Natural Process) ระดับคะแนน 86.31 นอกจากนี้ นายอานนท์ พวงเสน ซึ่งเป็นทายาทสมาชิกสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด ได้รับรางวัลอันดับที่ 2 ประเภท กาแฟอาราบิกาแบบกึ่งแห้ง (Semi-Dry/Honey Process) ระดับคะแนน 86.11 พร้อมรับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล โดยมี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีรับถ้วยพระราชทาน พร้อมมอบเงินรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด

"ไจก้าส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลกระบวนการผลิตกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมไปถึงการแปรรูปกาแฟด้วยเทคนิควิธีต่างๆ ซึ่งคำนึงถึงความสมดุลสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมให้คนอยู่กับป่า ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่ผู้คนนิยมบริโภคกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ และเป็นประเทศที่มีองค์ความรู้ด้านการพัฒนาการผลิตและการแปรรูป ซึ่งได้พัฒนากาแฟคุณภาพให้แก่ประเทศผู้ผลิตกาแฟชั้นนำต่างๆ มาแล้ว เช่น ประเทศในแถบแอฟริกา เป็นต้น อย่างขั้นตอนการเก็บเกี่ยวกาแฟ เขาก็จะให้ความรู้ว่าควรเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกในระดับใดถึงจะได้กาแฟที่มีคุณภาพสูง แล้วให้คนเก็บกาแฟสวมริชแบนที่บอกระดับสีความสุกของกาแฟที่เหมาะสม ฉะนั้นแค่เทียบสีเมล็ดกาแฟกับสีริชแบนก็สามารถเก็บเมล็ดกาแฟตามคุณภาพที่ต้องการได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คนรับจ้างเก็บกาแฟมีความรู้ในการไปเก็บกาแฟที่อื่นๆ ได้อีก" อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว

...

สำหรับด้านการตลาด กรมฯ ได้ร่วมมือกับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามซื้อขายกาแฟร่วมกับสหกรณ์ฯ ดอยสะเก็ดพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “Doi Saket Coffee Green” และส่งเสริมให้สหกรณ์ฯส่งออกกาแฟพรีเมียมไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันจำหน่ายแล้วจำนวน 745 กิโลกรัม ซึ่งช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมีกำลังใจในการผลิตกาแฟคุณภาพ ยกระดับรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งยังสร้างสมดุลระหว่างผืนป่ากับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นายอานนท์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจในอาชีพปลูกกาแฟ ซึ่งเป็นอาชีพของครอบครัวที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน บนเนื้อที่ 30 ไร่เศษ ใน ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเดิมตนจบ ป.ตรี จากมหาวิทยาลัยพายัพ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และทำงานบริษัทอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลาออกมาปลูกกาแฟเนื่องจากพ่อแม่อายุมากขึ้นเริ่มทำไม่ไหว และได้เข้าร่วมโครงการโดยมีผู้เชี่ยวชาญจากไจก้าประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ สนง.สหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ มาส่งเสริมวิธีการทำอย่างไรให้กาแฟมีคุณภาพและรสชาติที่ดีขึ้น ซึ่งโครงการได้สิ้นสุดเมื่อเดือน พ.ค.65 ที่ผ่านมา รวมเวลา 3 ปี โดยผลผลิตส่วนหนึ่งจำหน่ายให้กับสหกรณ์ฯ ดอยสะเก็ดพัฒนา อีกส่วนแปรรูปขสยออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ "Doi Pang Bong" ส่วนในอนาคตจะขยายผลให้กาแฟและชุมชนเป็นที่รู้จักของผู้คนที่หลงใหลในรสชาติกาแฟมากขึ้น นอกจากนี้ตนยังเปิดให้บริการที่พัก (Home Stay) และร้านกาแฟ "Doi Pang Bong" เป็นจุดแลกเรียนรู้ด้านกาแฟคุณภาพของสหกรณ์ฯ อีกด้วย.