นักศึกษาสาวจบใหม่ เกียรตินิยมอันดับ 1 ร้องสื่อ ถูกโจรออนไลน์ขโมยภาพไปใช้ล่อลวงเหยื่อหนุ่มร่วมไปลงทุนเทรดคริปโตฯ แถมเอารูปไปลงกลุ่มลับขายคลิป 18+ ทำเสื่อมเสียหนัก วอนตำรวจไซเบอร์เร่งดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวมีมี่ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี นักศึกษาจบใหม่ เกียรตินิยมอันดับ 1 จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ โดยนำหลักฐานมาร้องทุกข์ หลังถูกมิจฉาชีพนำภาพถ่ายของตัวเองจากบัญชีโซเชียลมีเดียไปใช้สร้างบัญชีเฟซบุ๊ก ชักชวนผู้อื่นเทรดเงินสกุลดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี รวมทั้งยังนำใช้เป็นภาพโปรไฟล์พูดคุยกับชายอีกหลายคนในโลกออนไลน์ ลักษณะอนาจาร ทั้งหมดนี้ทำให้เธอถูกเข้าใจผิดและได้รับความเสียหาย

น.ส.มีมี่ กล่าวว่า เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทราบเรื่องจากญาติว่ามีคนนำภาพของตนเองไปใช้สร้างบัญชีเฟซบุ๊กใช้พูดคุยกับผู้ชายหลายคน เมื่อเข้าไปดูในบัญชีดังกล่าวก็พบว่า ใช้ชื่อบัญชี "Aum Boontor" พบว่านำภาพถ่ายของตนเองหลายสิบภาพ นำไปใช้เป็นภาพโปรไฟล์และนำไปโพสต์ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมลงทุนแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลผ่านทางเว็บไซต์ชื่อ https://M.conibaseth.คอม/#/ โดยปรากฏว่ามีผู้ที่หลงเชื่อถูกหลอกให้โอนเงินจะเป็นกลุ่มชายหนุ่ม เนื่องจากมีการแชตพูดคุยในเชิงชู้สาวเพื่อหลอกล่อชักชวน รวมทั้งมีการวิดีโอคอลคุยกับฝ่ายชายด้วย โดยไม่ให้เห็นหน้า แต่เปิดเผยให้เห็นของสงวน ทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อโอนเงินให้จำนวนมาก

...


นักศึกษาจบใหม่ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบด้วยว่ามีการนำภาพถ่ายของตัวเองไปใช้ในในกลุ่มลับในแอปพลิเคชันไลน์ที่ขายคลิปลามกอนาจาร หรือคลิปโป๊เปลือย โดยใช้ภาพประกอบกับคลิปโป๊ ทำให้หลงเชื่อว่าเรือนร่างของหญิงสาวในคลิปที่มีการเผยแพร่ในกลุ่มลับดังกล่าวเป็นตัวเอง โดยภาพถ่ายทั้งหมดถูกดึงไปจากบัญชีอินสตาแกรมของเธอที่เปิดเป็นสาธารณะ เนื่องจากเธอทำงานเกี่ยวกับรีวิวสินค้าเป็นอาชีพเสริม คาดว่าจะถูกนำไปใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

น.ส.มีมี่ กล่าวอีกว่า โดยหลังจากทราบเรื่องได้ส่งข้อความไปหา ขอร้องโดยดีว่าให้ปิดเฟซบุ๊กปลอมดังกล่าว เพราะทำให้ตัวเองและครอบครัวเสียหาย แต่กลับถูกปฏิเสธ พร้อมท้าทายให้ไปแจ้งความดำเนินคดี และเยาะเย้ยกลับมาด้วยว่า ขอบคุณรูปพี่มากที่ทำเงินให้เดือนละหลายล้านบาท แถมยังโชว์สลิปเงินที่ได้รับโอนมาให้ดูอีกด้วย เมื่อขอความร่วมมือไม่ได้ ผลจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจบอกว่าทำได้เพียงให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อน เนื่องจากยังไม่มีผู้ที่เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงินเข้าแจ้งความ

จากนั้นจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจภูธรภาค 5 แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งเดือนยังไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองร้องเรียนผ่านสื่อ โดยหวังว่าอย่างน้อยให้เป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยสังคม ไม่ให้มีใครหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพรายนี้ และขอให้ตำรวจช่วยตรวจสอบและติดตามตัวมิจฉาชีพรายดังกล่าว รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุและสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นๆ มากไปกว่านี้.

...