ภาคเหนือและเชียงใหม่ ยังเผชิญปัญหาฝุ่นพิษในระดับวิกฤติ หมอกควันจากการเผาป่ายังคงปกคลุมหนาแน่น ครองอันดับ 1 เมืองที่มีอากาศแย่ที่สุดของโลกติดต่อเป็นวันที่สอง ใช้หุ่นยนต์ฉีดน้ำความเร็วสูงฉีดพ่นกลางเมือง

วันที่ 8 มี.ค. ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ต้องเผชิญกับฝุ่นพิษในระดับวิกฤติอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงเช้าวันนี้ หมอกควันจากการเผาป่ายังคงปกคลุมหนาแน่น ค่าฝุ่น PM 2.5 ทะลุเกิน 100 จุดในเขตตัวเมือง โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่สถานีวิจัยและพัฒนาพลังงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดค่า PM 2.5 รายชั่วโมง ในเวลา 09.20 น. ได้ที่ 178 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนจุดอื่นๆ มีค่าเฉลี่ยที่ 100 – 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะที่ในเวลา 08.00 น. เว็บไซต์ iqair.com รายงานคุณภาพอากาศในเวลา 08.00 น. จังหวัดเชียงใหม่ขึ้นเป็นเมืองที่มีอากาศแย่ที่สุดในโลกอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นวันที่สอง โดยในระยะนี้ภาคเหนือตอนบนยังคงมีลมตะวันตกพัดปกคลุม ประกอบกับพื้นที่ที่เป็นแอ่งกระทะ ทำให้การสะสมของฝุ่นละอองยังคงมีมาก

...

ขณะที่กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า รายงานสถานการณ์ไฟป่าล่าสุดวานนี้พบจุดความร้อนใน 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 609 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 428 จุด พื้นที่ป่าสงวนฯ จำนวน 160 จุด ขณะที่ทุกหน่วยงานเร่งระดมกำลังลงพื้นที่ที่เกิดการเผาซ้ำซาก เพื่อลดปริมาณการเผาพร้อมเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้มากที่สุด

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำหุ่นยนต์ฉีดน้ำความเร็วสูง เข้าฉีดพ่นบริเวณข่วงประตูท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ ใช้น้ำถึง 4 หมื่นลิตร เพื่อชะล้างฝุ่นละอองและเพิ่มความชื้นในอากาศ เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชนใจกลางเมือง พร้อมแนะนำให้ประชาชนงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากอนามัย และช่วยกันฉีดพ่นละอองน้ำตามบ้านเรือนที่พักอาศัย เพื่อช่วยลดการสะสมของฝุ่นควัน