ผบช.ภาค 5 แจงคดีผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงยิงตัวตาย 3 ศพในคอนโดมิเนียมหรู ยัน ตร.ทำตามยุทธวิธี หลังผู้ต้องหาไม่ยอมมอบตัว มีการประสานญาติเจรจา แต่ไม่สำเร็จจึงขอตายพร้อมกัน ไม่มีการจับตัวประกัน

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.64 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผู้กำกับการ สภ.ช้างเผือก พร้อมแม่กับน้องชาย ของนายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี และพระพี่ชาย ของนางสาวอาณดา ปิยะรักษ์ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน และ นางสาววิชุดา เสียมศักดิ์ อายุ 22 ปี ภรรยาของนายสุเมธอีก 1 คน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย พร้อมกับ 3 ศพ ภายในห้องพักเลขที่ 310 ของคอนโดมิเมียนหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดแถลงข่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังมีการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และมีสื่อโซเชียลมีเดียโจมตีการทำงานของตำรวจว่าล่าช้า ทั้งที่ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังจากห้องพักที่ผู้ต้องหาหลบซ่อนอยู่ ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (5 มี.ค.) แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่เข้าไปตรวจสอบ กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ ชุดปฏิบัติการจึงวางแผนนำกำลังบุกเข้าไปภายในห้อง หลังได้ประสานให้แม่ของนายสุเมธ เดินทางมาเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่เมื่อเคาะประตูไม่มีเสียงตอบรับ ประกอบการนำโดรนบินขึ้นไปตรวจจับความร้อนในห้องไม่พบมีการเคลื่อนไหวใดๆ

...

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ตำรวจได้ทำตามยุทธวิธีทุกประการ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ยอมมอบตัว และขู่จะฆ่าตัวตายตั้งแต่แรกที่ตำรวจ นำหมายจับเดินทางไปจับกุมที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 4 มีนาคม โดยภายในห้องอยู่กันทั้งหมด 4 คน คือ นายสุเมธ นางสาววิชุดา ภรรยาคนแรก และลูกสาววัย 1 ขวบเศษ และนางสาวอาณดา พี่เลี้ยงลูกซึ่งก็เป็นภรรยาของนายสุเมธอีกคน หลังนายสุเมธไม่ยอมมอบตัว เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อแม่และน้องชายให้มาช่วยเกลี้ยกล่อม

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันนายสุเมธก็ส่งข้อความทางไลน์ไปบอกให้แม่และน้องชายมารับลูกสาวตัวเองด้วย ญาติจึงเดินทางมารับลูกที่คอนโดมิเนียม โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ขึ้นไปด้วย นายสุเมธก็ไม่ได้ให้ญาติเข้าไปภายในห้อง แต่นำลูกสาวพร้อมข้าวของมาส่งให้ที่หน้าประตูเท่านั้น พร้อมถามภรรยาทั้งสองคนว่าจะไปกับแม่และน้องชายหรือไม่ หญิงทั้งสองคนยืนยันว่าไม่ไป ทั้งสามคนจึงปิดประตูห้องทันที ฉะนั้นนายสุเมธจึงไม่ได้จับใครเป็นตัวประกันตามที่บางสื่อนำเสนอ ผู้หญิงทั้ง 2 คนสมัครใจจะอยู่กับนายสุเมธ

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ก็พยายามติดต่อกับนายสุเมธเพื่อขอให้มาพูดคุยและมอบตัว รวมทั้งขอให้แม่และน้องชายมาเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง ในช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันที่ 5 มีนาคม แต่ขณะที่แม่และน้องชายขึ้นไปบนห้องพักเพื่อพูดคุย ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด

ด้านน้องชายของนายสุเมธ กล่าวว่า ระหว่างที่กำลังเคาะเรียกบอกว่าแม่และตนเองจะเข้าไปหา แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในห้องก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด 2 นัดแรกดังติดต่อกัน ส่วนนัดที่สามและนัดสี่ดังห่างกันเล็กน้อย รวมทั้งได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ดสั้นๆ แต่อาจจะเป็นเสียงกระจกในห้องแตก เพราะตำรวจบอกว่ากระสุนยิงไปโดนกระจกด้วย ตนจึงรีบเอาหูไปแนบที่ประตูแต่ไม่ได้ยินเสียง ซึ่งตนเองแน่ใจว่านายสุเมธทำแน่ เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมารู้จักนิสัยของพี่ชายดีว่าเป็นคนอย่างไร พูดคำไหนคำนั้น และผู้หญิงทั้งสองคนก็เต็มใจ โดยนายสุเมธส่งข้อความมาบอกตนเองว่า ทุกคนตกลงและพร้อมใจจะอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครยอมโดนจับ ขออยู่ในห้องให้นานที่สุดหากตำรวจบุกเข้ามา ก็จะฆ่าตัวตายพร้อมกันทั้งหมด

...

ด้านแม่ของนายสุเมธ บอกว่า ไม่ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนายสุเมธได้ส่งข้อความทางไลน์มาลาตนเองแล้ว และขอบคุณที่เลี้ยงมาตนเองเป็นแม่ที่ดีที่สุด พร้อมฝากให้ช่วยดูแลลูกเพราะเป็นห่วงลูกมาก ลูกชายเป็นคนไม่ค่อยพูดมีใจเด็ดเดี่ยว ส่วนลูกชายประกอบอาชีพอะไรนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะลูกไม่เคยเล่าให้ฟัง

พ.ต.อ.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล นักพิสูจน์หลักฐาน สบ.4 พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงใหม่ พิสูจน์หลักฐาน กล่าวถึงการเข้าไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุว่า จากการตรวจสอบสภาพศพคาดว่าทั้ง 3 เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12-24 ชั่วโมงโดยทั้ง 3 ศพถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ ที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนซีแซด ขนาด 9 มม. พร้อมแม็กกาซีน 2 แม็กและกระสุนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบซิมการ์ดโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ สมุดบัญชีอีกกว่า 100 รายการ ภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ โดยเชื่อว่านายสุเมธ จะยิงผู้หญิงทั้งสองคน ก่อนที่ยิงตัวเองตายตามเป็นคนสุดท้าย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านางสาวอาณดา ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงและภรรยาอีกคนของนายสุเมธตั้งท้องนั้น ยังไม่ยืนยันต้องรอผลการผ่าชันสูตรจากแพทย์นิติเวชอีกครั้ง.

...