ผู้ว่าฯ เชียงราย ยืนยันพบกลุ่มสาวไทย 9 รายติดโควิดเป็นกลุ่มทำงานสถานบันเทิงท่าขี้เหล็ก ประสานทางการขอกลับมารักษา ลั่นอย่าหนี อย่าลักลอบเข้าประเทศ ให้ติดต่อ จนท.พาไปกักตัว ย้ำขอการ์ดอย่าตก

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.63 ณ ห้องพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นพ.ทศเทพ บุญทอง สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์ โรงพยาบาลเชียงราย พ.อ.กิตติพล ไพรพิรัญ รอง ผอ.รมน.จังหวัดเชียงราย นายประเสริญ จิตต์พลีชีพ ปลัดจังหวัดเชียงราย ผู้แทน มทบ.37 และผู้แทนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จังหวัดเชียงราย แถลง สถานการณ์โควิด 19 ประจำวันที่ 6 ธันวาคม 2563 ว่า

สถานการณ์ล่าสุด จังหวัดเชียงรายพบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 9 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด โดยมีอายุไล่เลี่ยกัยไปตั้งแต่ 44 ปี 30 ปี 25 ปี 22 ปี อย่างละ 1 คน และเพศหญิงอายุ 23 ปี 2 คน อายุ 21 ปี 2 คน ทั้งหมดทำงานที่สถานบันเทิง (1G1) เมืองท่าขี้เหล็ก ผ่านเข้ามาช่องทางปกติ โดยการประสานจากหน่วยประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา (Thai-Myanmar Township Border Committee หรือ ทีบีซี) จากเมื่อวานนี้อยู่ที่ 11 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 20 ราย ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. ผู้ป่วยทั้งหมดผ่านมาในช่องทางทีบีซี 

นายประจญ กล่าวว่า จากการติดตามเคสผู้ป่วยขณะนี้เป็นผู้ป่วยที่มาจาก โรงแรม 1G1 เป็นหลัก เพราะส่วนใหญ่ก็กินนอนพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อจากกันเอง ทางจังหวัดได้ประสานทางประเทศเมียนมา ถึงคนไทยที่อยู่ในท่าขี้เหล็กว่าขอให้แจ้งให้ทางไทยทราบจะได้รับกลับมาดูแล ซึ่งก็ได้รับการประสานผ่านทีบีซี ว่ามีคนที่ทำงานในโรงแรมดังกล่าวขอเข้าประเทศเมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) ทั้งหมด 16 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด เมื่อเข้าสู่ด่านก็มีการควบคุมโรค เมื่อตรวจพบเชื้อ 9 คน อีก 7 คนผลเป็นลบ ซึ่งเข้าอยู่ในสถานที่กักตัวท้องถิ่น เพื่อรอการตรวจซ้ำ และกักตัว 14 วัน สำหรับการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดตอนนี้ยังควบคุมได้ โดยขณะนี้มีคนที่อยู่ในที่กักตัว จำนวน 171 คน ที่เข้ามาจากท่าขี้เหล็ก

...

“ขอประกาศผ่านสื่อให้คนไทยที่อยู่ท่าขี้เหล็ก หรือเคยไปท่าขี้เหล็กว่า อย่าหลบหนี ลักลอบเข้าประเทศ หรือไปแบบสะเปะสะปะ แม้ไม่มีอาการแต่การอยู่ในพื้นที่เสี่ยงย่อมมีความเสี่ยงสูงในการรับเชื้อ ขอให้มาอยู่ในกระบวนการตรวจสอบควบคุมและรักษา ทางจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะรับทุกคนเข้ารักษา เพื่อตัวของประชาชนเอง รวมถึงครอบครัว และคนใกล้ชิด อาจได้รับเชื้อ อย่าหลบเลย ถ้าป่วยอย่างไรก็ต้องรักษา และมาอยู่ในพื้นที่ควบคุมโรคตามกระบวนการ อย่าหนีเลย ถ้าป่วยก็ต้องก็ไม่พ้นมือหมอ” ผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าว

นายประจญ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทางคณะกรรมการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 จังหวัดเชียงราย ได้นัดประชุมวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเพื่อหาแนวทางควบคุมโรคอย่างเข้มข้น เพื่อควบคุมให้ได้ภายในปีใหม่นี้ เพราะการเป็นจังหวัดชายแดนที่ติดกับการระบาดของโรคจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องประสบปัญหานี้ ไม่เกินกว่าที่คาดไว้ จึงต้องประชุมทุกวันเพื่อติดตามสถานกาณ์และเข้มงวดเรื่องมาตรการอีกครั้ง ซึ่งทุกคนรู้วิธีป้องกันตัวเองแล้วจากที่ผ่านมา เมื่อเกิดระบาดอีกครั้งขอให้ดูแลตัวเองเข้มข้นเหมือนที่เคยทำในการระบาดครั้งแรก ใส่หน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ ล้างมือ ล้างเจลตลอดเวลา ลงทะเบียนไทยชนะ เมื่อไปที่สาธารณะ เมื่อมีผู้ติดเชื้อในพื้นที่เดียวกันทางการจะได้แจ้งและตามผู้มีความเสี่ยงได้

ผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าวอีกว่า ถ้าใครที่รู้จักในชุมชน ขอให้ช่วยกันบอกช่วยกันแจ้ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือ อสม.หากมีคนแปลกหน้าเข้ามา เจ้าหน้าที่ตามหาเองนี่เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากและอาจไม่ทั่วถึง ขอความร่วมมือจากทุกคน ส่วนเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ได้มาช่วยกัน ทั้ง ตชด. กองกำลังผาเมือง แม่ทัพภาพที่ 3 ก็ได้ส่งกำลังมาเสริมเพื่อตรึงกำลังชายแดน ตั้งแต่แม่ฟ้าหลวง แม่สาย เชียงแสน เชียงของ และมีการขึงลวดหนามในจุดที่มีความเสี่ยงสูง แต่ชายแดนนั้นยาวมากต้องช่วยกัน พื้นที่ชั้นในฝ่ายปกครอง และตำรวจจะมีการตั้งด่านย่อยเพิ่มเติม ส่วนสถานที่กักตัวในท้องถิ่น หากไม่พอเพียงขณะนี้ที่มีเอกชน 10 แห่ง และของรัฐ หากไม่เพียงพอทางปลัดจังหวัดจะประสานจัดหาเพิ่มเติมได้ ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่าอาจมีผู้ประกอบการจะฟ้องผู้ลักลอบเข้าประเทศ และทำให้มีการแพร่ระบาดนั้น ตนมีความกังวลมากจะทำให้คนป่วยไม่กล้าแสดงตัว เข้าใจทุกฝ่ายแต่ขอมาร่วมมือช่วยกันเพื่อหยุดการแพร่ระบาดน่าจะเป็นเรื่องดี

“อยากบอกทุกคนว่าทางเชียงรายไม่ได้นิ่งนอนใจ เชียงรายจะช่วยกันล็อกเป้าเพื่อควบคุมโรค ไม่ล็อกดาวน์ และมีมาตรการเชิงรุก โดยในวันที่ 9 ธ.ค. หลังการประชุม วันหยุดรัฐธรรมนูญวันที่ 10 ธ.ค. จะทำการบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ไม่ใช่แค่สร้างความมั่นใจให้คนในประเทศ แต่เป็นการสร้างคนเชียงรายมาช่วยกันดูแลตัวเองและคนใกล้ชิด ตระหนักในการป้องกันร่วมมือป้องกันโรคระบาด เราคนเชียงรายเมืองหน้าด่านช่วยกันล็อกเป้าและดำเนินการตามเป้าหมายให้ได้ และมีความตั้งใจว่า ในปีใหม่ 2564 นี้ อยากจะหาของขวัญให้คนเชียงราย และคิดว่าคงไม่มีอะไรดีกว่าการต้องคุมสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่นี้ให้ได้ ตอนนี้ผู้ประกอบการอาจกังวล แต่ถ้าปีใหม่นี้ เราคุมได้รับรองว่าคนอยากมาเที่ยวเชียงรายเป็นจำนวนมาก ช่วยกันทำให้วิกฤติ กลายเป็นโอกาส และช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อจะได้ชดเชยสิ่งที่หายไป” นายประจญ กล่าว

...

ด้าน นพ.ทศเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ สัดส่วนผู้ป่วยที่มาจากการลักลอบมี 6 ราย คือ รายที่ 1, 2, 3 ที่ลักลอบเข้ามาชุดแรกวันที่ 26-27 พ.ย. รายที่ 10-11 เข้ามาวันที่ 25 พ.ย. แต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่แสดงตัวในตอนแรก และการติดเชื้อจากผู้ลักลอบ 1 ราย เป็นกลุ่มที่มีการสัมผัสใกล้ชิดคนรอบตัวใกล้เคียงกัน ซึ่งมีการเข้าไปควบคุมพื้นที่ และตรวจผู้มีความเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำหมดแล้ว ส่วนอีก รายที่ 4, 5, 6, 8, 9 และอีก 9 คน ที่เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ เป็นการเข้ามาตั้งแต่วันที่ 2-5 ธ.ค. เป็นการเข้าช่องทางปกติมีการควบคุมโรคทันทีไม่มีไทม์ไลน์ในการไปในที่ต่างๆ ในประเทศ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี ที่จะไม่ทำให้โรคแพร่กระจายหากเราควบคุมได้ตามแผนและไม่มีปัจจัยอื่นเพิ่ม

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวต่อว่า ทางสาธารณสุขมีการตรวจแบบเชิงรุก Active cast finding โดยรถชีวนิรภัย 3 คัน ได้ถึงวันละกว่า 1,000 คน ซึ่งที่ผ่านมาตรวจในสถานที่ต่างๆ 4 วัน ตรวจไปจำนวน 3,367 คน โดยมีผลลบคือไม่พบเชื้อ 2,113 คน รอผลอีก 1,254 ราย ไม่มีคนในสถานประกอบการหรือผู้สัมผัสใกล้ชิดที่พบเชื้อเลยขณะนี้ จึงนับว่าเรายังควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดได้ และใครที่กังวลรู้สึกว่าตัวเองมีความเสี่ยง ก็สามารถแจ้งโรงพยาบาล หรือไปตรวจที่รถชีวนิรภัยได้ ซึ่งจะอยู่เชียงรายในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ หากเชียงรายคุมได้ก็จะเคลื่อนย้ายไปตรวจที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อ

...

นพ.ทศเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องเคสของผู้หญิง อายุ 51 ปี ผู้ป่วยที่พบเชื้อจังหวัดสิงห์บุรีนั้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จากที่ได้รายงานไปว่าไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อของจังหวัดเชียงราย ที่ไปในที่ต่างๆ ในเชียงรายในห้วงนั้นไม่ตรงกัน ส่วนจะติดจากใครที่ไหนนั้นตอบได้ยากมาก ข้อมูลต้องชัด อยู่ที่การสอบสวนโรค หากยังไม่ได้รายละเอียดก็เป็นเรื่องจากที่จะสรุปสถานการณ์รายนั้นๆ ได้ ตอนนี้ก็ประสานและทำงานกับสาธารณสุขจังหวัดที่เกี่ยวข้องอยู่เพื่อจะได้สอบสวนที่มาของโรคให้ได้

ส่วน ผอ.ศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) ทาง รพ.ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยมาที่ตึกผู้ป่วยในฉุกเฉินที่ รพ.เรียบร้อยแล้ว การรักษาของทั้ง 20 คน ส่วนใหญ่ร่างกายแข็งแรง อาการน้อยมาก มีไข้ และปวดเมื่อย ไม่มีใครอาการหนักถึงขั้นให้ออกซิเจน และผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 8 ธ.ค.นี้จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว มีการให้ยาจนไม่มีอาการและอยู่จนครบตามแผนการรักษา จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสำหรับคนป่วย และ รพ.ปัจจุบันมีความพร้อมที่จะรับผู้ป่วยมากกว่า 30 เตียงจากที่เคยประกาศไป โดยเราสามารถใช้ทั้งตึก 5 ชั้นรองรับได้ ขอให้ถึงมือหมอรับรองว่าปลอดภัย ดูแลทั้งสภาพร่างกายและจิตใจคนป่วยและครอบครัว อย่าได้กังวลให้แสดงตัวเข้าสู่การรักษาได้.

...