แม่เข้าแจ้งความเอาผิดครูโรงเรียนอนุบาลทำประตูหนีบนิ้วลูกชายวัย 3 ขวบขาด เบื้องต้นยังตกลงเรื่องค่าเสียหายไม่ได้ ขณะที่โรงเรียนย้ายครูไปทำหน้าที่ธุรการแล้ว

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความอ้างว่า เด็กเตรียมอนุบาล 2 ถือกล่องนมไปทิ้งหน้าห้องเรียน แต่ครูได้ปิดประตูหนีบมือเด็กนิ้วชี้ซ้ายขาดบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับถามว่าควรเรียกค่าเสียหายและดำเนินการกับโรงเรียนอย่างไรนั้น

ล่าสุด วันที่ 30 ก.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพิมญาดา รุซโซ่ว์ อายุ 37 ปี ชาว ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย พร้อมญาติพี่น้องได้เข้ามาแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อิทธิพล ฉลาดธัญญกิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงรายว่า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 28 ก.ย.63 ได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใน อ.เมืองเชียงราย ว่า น้องเอเค ลูกชายอายุ 3 ปี 3 เดือน นักเรียนชั้นเตรียมอนุบาล 2 ถูกประตูห้องนอนหนีบมือจากลมพัด ขณะนี้ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.เกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์

เมื่อเดินทางที่โรงพยาบาลได้พบน้องเอเค มีสภาพปลายนิ้วชี้มือซ้ายขาดเล็บหายไปครึ่งหนึ่ง จากการสอบถามเบื้องต้น ครูเล่าว่าถูกประตูห้องนอนหนีบจากลมพัด แต่เมื่อไปขอดูกล้องวงจรปิด พบว่าขณะที่ น้องเอเค กำลังจะกางมุ้งนอนกลางวันหลังรับประทานอาหารเสร็จ แต่ครูได้เอากล่องนมเปล่าใช้ให้น้องเอเคเอาไปทิ้งนอกห้องนอน เมื่อน้องเอเคเดินไปเปิดประตูออกไปทิ้งกล่องนม ครูในห้องเห็นประตูเปิดอยู่จึงรีบไปปิดประตู ทำให้ประตูห้องนอนหนีบปลายนิ้วชี้มือซ้ายขาด เลือดไหล จากนั้นครูได้รีบนำส่งเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์

...

นางพิมญาดา รุซโซ่ว์ จึงโทรศัพท์ไปเล่าให้สามีชาวฝรั่งเศส ซึ่งยังเดินทางกลับไทยไม่ได้เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ให้ทางโรงเรียนรับผิดชอบเหตุที่เกิดขึ้น และเรียกค่าเสียหาย 400,000 บาทเป็นค่าทำศัลยกรรม และมีการเจรจากันต่อมา โดยเบื้องต้นทางโรงเรียนอนุบาลขอต่อรองจะให้เพียง 100,000 บาท เพราะทางครูต้นเหตุและทางโรงเรียนไม่มีเงิน

จากนั้นได้มีการเจรจาต่อรองกัน นางพิมญาดา ลดให้เหลือ 3.5 แสนบาท โดยให้แบ่งจ่ายเป็น 2 ครั้ง ทางโรงเรียนจึงต่อรองจะจ่ายให้ 2 แสนบาท จึงยังไม่ตกลง และมาเข้าแจ้งความในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส

ร.ต.อ.อิทธิพล จึงสอบปากคำ นางพิมญาดา และรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมกับส่งตัวน้องเอเค ไปตรวจบาดแผลที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาดำเนินคดีกับครูผู้กระทำประมาท โดยให้ทางฝ่ายผู้เสียหายนัดเจรจากับทางโรงเรียนกันอีกครั้ง

ต่อมา ผอ.โรงเรียนอนุบาลดังกล่าว ได้ออกหนังสือชี้แจงถึงผู้ปกครองว่ากรณีการเกิดเหตุประตูหนีบนิ้วมือเด็กในโรงเรียน มิได้เป็นการจงใจทำร้ายเด็กแต่อย่างใด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเด็กนอนหลับ แต่น้องไม่นอน ดื่มนมกล่องเดินไปมา ทางคุณครูจึงให้น้องเอากล่องนมไปทิ้งถังขยะที่หน้าห้องเรียน โดยหน้าห้องจะมีครูหัวหน้าตึก และครูธุรการประจำตึกคอยเดินดูแลตรวจความเรียบร้อยทุกห้องเรียน ครูผู้ช่วยอยู่ด้านในได้ปิดประตู โดยไม่ทราบว่าน้องจับขอบประตูอยู่ จึงทำให้น้องบาดเจ็บที่นิ้วชี้ซ้าย ซึ่งถือเป็นการประมาทเลินเล่อ

ทางโรงเรียนได้ย้ายไปทำหน้าที่ธุรการและจะมีมาตรการในการลงโทษต่อไป ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้ติดแผงกันรอบประตูทุกห้องหลังจากที่เกิดเหตุ ที่ผ่านมาทางโรงเรียนรับผิดชอบในการรักษาพยาบาลเด็กมาโดยตลอด มิได้ละเลย ยังอยู่ในขั้นตอนเจรจาค่าเสียหาย ทางโรงเรียนได้เน้นย้ำให้ครูและบุคลากรตระหนักดีว่าต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเสมอ.