อัยการพาพ่อแม่นักเรียนที่ถูกกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ส่งจดหมายทวงหนี้เงินกู้ยืมเรียนกว่าครึ่งแสนบาท ขึ้นโรงพักแจ้งความจับมือปลอมลายเซ็นในเอกสารกู้เงิน เผยโรงเรียนคู่กรณีกำลังถูก กยศ. ฟ้องร้องเช่นกัน หลังเอาเงินมาปล่อยกู้แต่ไม่ส่งหลักฐานของนักเรียน ตำรวจระบุพบพิรุธหลายจุด คาดทำกันเป็น ขบวนการ เตรียมเรียกเจ้าของโรงเรียน ผู้จัดทำเอกสาร และผู้ใหญ่บ้านที่ลงลายมือชื่อรับรองเข้าให้ปากคำ
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที กรณีผู้ปกครองนักเรียนออกมาระบุลูกชายถูกกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ส่งหนังสือทวงถามหนี้เงินกู้เรียนของ ลูกชาย ทั้งที่ครอบครัวนี้ไม่เคยกู้เงินจาก กยศ. คาดถูกปลอมแปลงลายเซ็นและเอกสารหลักฐานต่างๆ อีกทั้งอาจเป็นการทำเป็นขบวนการใหญ่ และอาจมีนักเรียนตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ก.ย. นายสมชาย จันทร์ประเทือง อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด (สาขาเทิง) จ.เชียงราย นำนายจันทร์ และนางบานเย็น คำบุญ สามีภรรยาที่มาร้องทุกข์กับอัยการจังหวัดเทิง หลังถูกกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ส่งหนังสือทวงหนี้จำนวน 52,800 บาท ระบุว่า นายณัฐพงษ์ คำบุญ ลูกชายของทั้งคู่ ได้กู้ยืมเงิน กยศ. ขณะเรียนที่ ร.ร.ชัยศิษย์บริหารธุรกิจและเทคโนโลยี เอกสารสัญญากู้ยืมทำขึ้นปี 2556 แต่ทั้งคู่ยืนยันว่าลูกเข้าเรียนโรงเรียนดังกล่าวแค่เพียง 3 เดือน เมื่อปี 2553 ก่อนจะลาออกไปเรียนที่อื่น เบื้องต้นพบพิรุธจากเอกสารสัญญาหลายจุด เช่น ลายมือชื่อผู้กู้ ผู้ค้ำประกัน และผู้ใหญ่บ้าน เป็นลายเซ็นปลอม รวมทั้งสัญญากู้ยืม ทำขึ้นหลังลาออกจากโรงเรียนมา 3 ปี ก่อนหน้านี้ได้ร้องทุกข์กับหลายหน่วยงาน ผ่านมาเกือบ 2 ปี แต่เรื่องเงียบ
...
นายสมชายเผยว่า วันนี้ได้พาผู้ร้องคือนางบานเย็น คำบุญ ในฐานะผู้มีชื่อระบุเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญากู้เงิน กยศ. พร้อมด้วยนายจันทร์ คำบุญ สามี มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ เป็นคดีอาญาฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม เพื่อใช้ในการทำสัญญากู้ยืมเงิน ค้ำประกัน และเปิดบัญชีธนาคาร ตอนนี้อัยการทราบว่าเจ้าของโรงเรียนชัยศิษย์ฯ กำลังถูก กยศ. ดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่ง กรณีที่โรงเรียนนำเงินจาก กยศ.มาปล่อยให้นักเรียนกู้ยืมเมื่อปี 2549 แต่ไม่มีการนำส่งเอกสารหลักฐานของนักเรียนให้กับ กยศ. เจ้าของโรงเรียนจะต้องขึ้นศาลในวันจันทร์ที่ 10 ก.ย.นี้ ประจวบเหมาะกับที่มีชาวบ้านมาร้องเกี่ยวกับหนี้ กยศ. สำนักงานอัยการจังหวัดเทิงจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมรับฟังการพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดเทิง เพื่อดูว่าทั้ง 2 คดีมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไร
นายจันทร์ คำบุญ สามีของนางบานเย็น กล่าวว่า ในวันนี้อัยการจังหวัดเทิงได้พามาแจ้งความที่ สภ.เชียงของ เพราะพวกตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกทวงถามหนี้ กยศ. เนื่องจากลูกชายของตนไม่เคยกู้ยืมเงินเรียน หากได้กู้ยืมจริงก็ยินดีจะจ่ายคืนทุกบาททุกสตางค์ แต่ลูกไม่เคยกู้ยืม แต่มีการนำเอกสารไปทำสัญญาเงินกู้ จำเป็นต้องมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากเรื่องไม่คืบมาเกือบ 2 ปี ในวันนี้ได้รับความร่วมมือจากทั้งอัยการและตำรวจ สภ.เชียงของ เป็นอย่างดี
พ.ต.ท.สรวิศฐ์ คิดดี สว. (สอบสวน) สภ.เชียงของ เจ้าของคดีกล่าวว่า ได้รับแจ้งความจากนางบานเย็น คำบุญ ที่มีชื่อเป็นผู้ค้ำประกัน ตามหนังสือสัญญากู้ยืมของ กยศ. โดยจะรับเป็นคดีอาญาข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม เท่าที่ดูเอกสารคาดว่าต้องมีการทำเป็นขบวนการ เพราะตัวสัญญามีการพิมพ์ข้อมูลของผู้กู้ไว้ก่อนหลายจุด มีการเขียนกรอกข้อความไม่กี่จุด เป็นที่ผิดสังเกต เพราะการทำสัญญาปกติจะต้องกรอกเอกสารเองทั้งฉบับ ขั้นตอนต่อไปจะเรียกนางมาลี แกล้วกล้า เจ้าของโรงเรียนชัยศิษย์บริหารธุรกิจและเทคโนโลยี นายอนุวัฒน์ นารียะ ผู้จัดทำเอกสาร และนายสุวัต วงศ์ชัย ที่มีชื่อเป็นผู้ใหญ่บ้านที่รับรองลายมือชื่อ แต่ตัวผู้ร้องบอกว่าที่หมู่บ้านไม่เคยมีผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ต้องเรียกทั้งหมดมาสอบสวนตามขั้นตอน คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการทำคดีพอสมควร