ปธ.สภาอุตสาหกรรมขอนแก่น เผย หวังเห็นทีมเศรษฐกิจ รัฐบาลอิ๊งค์ 1 เข้มแข็ง น่าเชื่อถือ และไว้วางใจได้ พร้อมเร่งหาความชัดเจนเงินดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำชัดหากกลุ่มเปราะบางได้ก่อน เงินสะพัดลอตแรกนับแสนล้านบาททุกคนแฮปปี้

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2567 นายทวีสันต์ วิชัยวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ถึงเวลานี้แล้วภาคอุตสาหกรรมอยากเห็นทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เข้มแข็งและสามารถฝากความหวังที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไปได้ เพราะภาคอุตสาหกรรมเองก็ชัดเจนว่าอยากเห็นภาพของ ครม. "อิ๊งค์ 1" เป็นทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็งชัดเจน ทั้งในส่วนของ กระทรวงพาณิชย์, อุตสาหกรรม,ดีอี แม้กระทั่งกระทรวงศึกษาธิการ หรือกระทรวง อว. ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนามาตรฐานด้านอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทย

"ขณะนี้ ทราบมาว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติที่เข้มข้น จึงอยากให้ทุกคนรอคอยดูโฉมหน้า และมาดูกันว่าเราจะฝากความหวังได้มากน้อยเพียงใด แต่ที่สำคัญคือ ปัญหารอไม่ได้ เช่น ขณะนี้น้ำท่วมภาคเหนือ รัฐบาลรักษาการเองก็รักษาการ และมาระบุว่าทำไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ ประเด็นเหล่านี้นั้นรอไม่ได้ เพราะหากรออีก 1-2 เดือน แล้วค่อยมาบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ประเทศเรากำลังเผชิญปัญหาด้านเศรษฐกิจอยู่ รับรองว่าช้าแน่" ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น กล่าว

...

นายทวีสันต์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรนำวิกฤติมาเป็นโอกาสที่จะสร้างความเชื่อมั่นในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการสร้างทีมเศรษฐกิจที่มีความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่น และไว้วางใจได้ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมก็รอและอยากเห็น ครม.เศรษฐกิจ ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้จริง เพราะหลายอย่างยังเป็นคำถามอยู่ โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะเอาจริงมั้ย จะทำจริงมั้ย ถ้าทำจริงจะเป็นเงินสดหรือเงินดิจิทัลก็ต้องชัดเจน เพราะหากไม่ชัดเจนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการชัดเจน เพราะเราต้องเตรียมตัว โดยเฉพาะภาคการผลิตทุกคนต้องเตรียมตัวและประมาณการ ดังนั้นรัฐบาลต้องชัดเจนในเรื่องนโยบายดังกล่าวนี้โดยเร็ว

ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น กล่าวด้วยว่า ประเด็นเงินดิจิทัลวอลเล็ตก็ควรที่จะชัดเจน มีการพูดคุยว่าระยะแรกจะเป็นการเบิกจ่ายให้ในกลุ่มเปราะบาง 1.45 ล้านคน แต่ยังคงไม่ชัดเจนว่า จะเงินสด หรือเงินโอน หรือเงินแบบใด แต่ถ้ากลุ่มนี้ได้รับและนำไปใช้ก็จะกระตุ้นภาพรวมทางเศรษฐกิจได้ เพราะจะมีเงินสะพัดในการใช้จ่ายนับแสนล้านบาท ส่วนที่เหลือจะไปลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากได้ 1-2% ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องชัดเจน เพราะส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนและภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย.