ทรูดึง "ใบเฟิร์น" นำซอฟต์พาวเวอร์จุดเด่น 12 จังหวัด กทม.และเมืองหลักเมืองรอง ปักหมุด ทรูทั่วไทย ทั่วถึงทุกคน ชูสัญญาณ 5G เน็ตแรงเร็ว ครอบคลุมกว่า 90% ทั้งใน กทม. และ EEC ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ในการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ อย่างรวดเร็ว และกลุ่ม Digital Nomad ที่มาทำงานนอกสถานที่
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามรายงานล่าสุดปี 2566 จาก International Institute for Management Development (IMD) ภาพรวมความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย (World Digital Competitiveness Ranking 2023) ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 จากทั้งหมด 64 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจและรัฐบาลตั้งเป้าพัฒนาความสามารถให้ประเทศไทย อยู่ใน 30 อันดับแรก ภายในปี 2569 ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงให้ความสำคัญการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในไทย ให้ได้มาตรฐานระดับโลก ทั้งโครงข่าย 5G และบรอดแบนด์ฟิกซ์ไลน์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโลก โดยประเทศไทยมี อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ต่อประชากร อยู่ที่ 88% ขณะที่อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบ้านต่อประชากรอยู่ที่ 43.7% โดยความเร็ว อินเทอร์เน็ตบ้านประเทศไทยเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน
...
ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นฯ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเครือข่าย 5G เครือข่ายทรูและดีแทคครอบคลุมพื้นที่ 99% ของประชากรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีผู้ใช้งาน 11 ล้านรายจากทั้งหมด 50 ล้านราย ตลอดจนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มากที่สุดในไทย และมีพื้นที่โครงข่าย 4G ครอบคลุม 98% ทั่วประเทศ โดยคาดว่าภายใน 1-2 ปี โครงข่าย 5G จะครอบคลุมทั่วไทยกว่า 98% ขณะที่ ทรู ออนไลน์ หรือ เน็ตบ้านไฟเบอร์ มีโครงข่ายบรอดแบนด์รองรับผู้ใช้งานกว่า 19 ล้านครัวเรือน ซึ่งการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงจะสนับสนุนให้ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ และซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อยกระดับให้บริการดิจิทัลของไทยสามารถแข่งขันได้กับทั่วโลก สนับสนุนภาครัฐยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ตอบสนองวิถีชีวิตและระบบนิเวศดิจิทัล (Digital Ecosystem) แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ
นายมนัสส์ กล่าวอีกว่า ศักยภาพการเชื่อมต่อและเทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม “ซอฟต์พาวเวอร์” ของแต่ละจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ มรดกทางวัฒนธรรม อาหาร และเทศกาลท้องถิ่นประจำภาคของคนไทย ซึ่งล้วนเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว ดังนั้นความเร็วในการเชื่อมต่อ 5G และการครอบคลุมพื้นที่ทั่วไทยของเครือข่ายทรูและดีแทค จะไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร หรือการจองสถานที่ท่องเที่ยว ดังนั้น โครงข่ายดิจิทัลจะช่วยยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยว ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้มาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองไทยได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้ง เทรนด์ “Digital Nomad” อันเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางพร้อมทำงาน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพื่อทำงานได้ทั่วไทย หรือกลุ่ม Work From Home คือ รูปแบบการทำงานจากที่บ้านอีกด้วย
ด้าน นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยี 5G มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่มุ่งเน้นการเชื่อมต่อตลอดเวลา การพัฒนาโครงข่ายทันสมัย (Network Modernization) ในการผสานโครงข่ายของทรูและดีแทค จึงทำให้ยกระดับการใช้งาน 5G เหนือระดับ โดยใช้ BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อม AI วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน เพื่อวางแผนขยาย 5G เติมเต็มการใช้งานทุกรูปแบบ ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น แอปพลิเคชันแผนที่นำทาง แอปฯ ค้นหาข้อมูล แอปฯ ร้านอาหาร โดยทรูและดีแทคได้พัฒนาโครงข่าย 5G โดยเน้นขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล
...
หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นฯ กล่าวต่อว่า โครงข่ายทันสมัย เพื่อการใช้งานดีที่สุด เร็ว แรง ครอบคลุม “ทั่วถึง” รองรับเทรนด์การใช้ Generative AI ที่กำลังเติบโต ทั้งมุมเพิ่มศักยภาพการทำงาน และเทรนด์ที่นักท่องเที่ยวใช้ AI ในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้ง 5G จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญในการสนับสนุนการสร้างคอนเทนต์ ที่สะท้อนวัฒนธรรมท่องเที่ยวของไทย เพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ สร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนเรื่องราวการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทยในมุมมองที่หลากหลาย เช่น Vlog ท่องเที่ยว เรื่องเล่าชุมชน เป็นต้น ยิ่งมีคอนเทนต์มากเท่าไรก็ช่วยหนุนเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมมากขึ้น
นายประเทศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ของทรูและดีแทคมีสัดส่วนราวๆ 60% ของตลาด โดยจำนวนนี้เป็นคนจีน 70% แต่ละรายมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 500 บาท รองลงมาเป็นชาวมาเลเซีย และชาวอินเดีย โดยส่วนมากลูกค้าชาวจีนจะเปิดการใช้งานซิมมาจากต้นทางอยู่แล้ว ขณะที่ ลูกค้าชาวมาเลเซียจะมาซื้อจากร้านในไทย เช่นเดียวกับชาวอินเดีย ที่มาเปิดซิมใช้ที่สนามบิน ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนจะเสนอ e-sim ให้ลูกข้าชาวต่างชาติ กดซื้อจากหน้าร้านออนไลน์ใช้ได้เลย
...
เมื่อพิจารณาการใช้งานดาต้าบน 5G ของทรูและดีแทค เติบโตทั่วประเทศ 68.84% (YoY : เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ในเดือน พ.ค. 2567 รับการท่องเที่ยว ทุกภาคทั่วไทย ดังนี้
กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดาต้าโต 34% (YoY)
ภาคกลาง ดาต้าโต 104.96% (YoY)
ภาคตะวันออก ดาต้าโต 58.74% (YoY)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดาต้าโต 88.40% (YoY)
ภาคเหนือ ดาต้าโต 97.15% (YoY)
ภาคใต้ ดาต้าโต 99.68 % (YoY)
ภาคตะวันตก ดาต้าโต 112.96% (YoY)
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นเนื่องจาก การขยายพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกล การเข้าถึงอุปกรณ์ง่ายขึ้น สมาร์ทโฟนที่มีมากขึ้น ราคาที่หลากหลาย สามารถจับต้องได้ทั้งที่ราคาหลักพันบาทไปจนถึง 2 หมื่นบาท และการใช้งานดาต้า
ขณะที่เน็ตบ้านไฟเบอร์ ทรูออนไลน์ ที่มีฐานลูกค้ากว่า 3.7 ล้านราย ได้นำ AI มาใช้กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วไทย เพื่อตอบทุกความต้องการและเติมเต็มชีวิตภายในบ้าน ภายใต้แนวคิด “Your Everyday Connect-Tech” ที่มุ่งเชื่อมโยงคนไทยกับเทคโนโลยีเพื่อเติมเต็มชีวิตดิจิทัลในทุกๆ วัน ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Smart Tech, Smart Service และ Smart Solution & Privilege ซึ่งจะตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมเน็ตบ้านไฟเบอร์ตัวจริง ได้แก่ SMART TECH เทคโนโลยีบรอดแบนด์ที่ผสาน AI เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้เน็ตบ้าน มาพร้อมกับเทคโนโลยี Smart AI ที่ประกอบด้วย PRO AI Network ที่ใช้ AI ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และควบคุมเครือข่าย, PRO AI Router ที่ใช้ AI จัดสรรปริมาณการใช้งานและจับคู่ช่องทาง VIP Priority ให้ตรงกับโหมดการใช้ชีวิต, และ PRO AI WiFi ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความหน่วงทำให้ค่าปิงลดลงกว่าเดิมถึง 40% นอกจากนี้ ยังมี AI Detector and Monitoring ที่เป็นระบบตรวจสอบคุณภาพสัญญาณ และแจ้งเตือนความผิดปกติของการใช้งานได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Fiber to the Room (FTTR) เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงถึง 1 Gbps อย่างทั่วถึงเท่ากันทุกห้องในบ้านและอาคารพักอาศัยทั่วไทยอีกด้วย
...
ส่วน นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจาก ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ส่งแคมเปญ “ทรูทั่วไทย” ทั่วไทย ทั่วถึง ทุกคน ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.เพื่อร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยไปเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อพิสูจน์สัญญาณทรู 5G เช็กสปีดเน็ตทุกพื้นที่ และยกระดับประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั่วไทย ทั่วถึงทุกคน ทุกพื้นที่ ทั้งในเมืองหลวง เมืองหลักและเมืองรอง นำร่องเช็กสัญญาณ 4 จังหวัด ทั้ง เชียงใหม่ ขอนแก่น อยุธยา และสงขลา
สำหรับในครั้งนี้ “ทรูทั่วไทย” ได้ปักหมุด 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิจิตร ขอนแก่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ กรุงเทพมหานคร ราชบุรี อยุธยา ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี เพื่อสื่อสารถึงการเข้าถึงของสัญญาณทรูที่เข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทย ผ่านหนังโฆษณาชุด “True5G ของดีประจำจังหวัด” โดยมีพรีเซนเตอร์ คือ ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ มาเป็นตัวแทนนำเสนอจุดเด่นของแต่ละจังหวัดสุดเวรี่ไทย และชูจุดขายผ่านคอสตูมที่โชว์ถึงซอฟต์พาวเวอร์จากคำขวัญประจำจังหวัด.