หอการค้าจังหวัด-สภาอุตฯ จังหวัดทุกภาค มองเศรษฐกิจไทยอ่อนล้า หนุนนโยบาย รบ. เงินดิจิทัล 10,000 บาท เชื่อมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพกระจายรายได้-ดันการท่องเที่ยวในจังหวัด

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 66 หอการค้าจังหวัดทุกภาคทั่วไทย รวมถึงสภาอุตสาหกรรมจังหวัดต่างๆ เห็นด้วยกับนโยบายเงินดิจิทัล เชื่อมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มจากภาคอีสาน นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า มาตรการเงินดิจิทัลนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมภายใน จ.นครราชสีมาให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอนมาก ทั้งนี้ จ.นครราชสีมา เป็นจังหวัดใหญ่มีประชากรเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังมีธุรกิจที่หลากหลายทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายคึกคัก โดยเฉพาะเกษตรกรจะขายพืชผลทางการเกษตร ป้อนให้กับพ่อค้าแม่ค้านำไปผลิตสินค้า สร้างรายได้ให้ทั้งชุมชน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมทั้งจังหวัด

ด้าน นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสามารถกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะอ่อนล้า หากรัฐบาลสามารถเร่งรัดการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้ทันในช่วงต้นปีหน้าในไตรมาส 1 ก็จะช่วยให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อนนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายซื้อของใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และด้วยเงื่อนไขใช้ได้เฉพาะภายในอำเภอ ตามภูมิลำเนาในบัตรประชาชนของผู้ที่มีสิทธิเท่านั้น มองว่าจะช่วยให้เม็ดเงินกระจายไปตามพื้นที่อำเภอต่างๆ ทั่วประเทศ โดยไม่กระจุกอยู่แต่เฉพาะในเมืองใหญ่ ซึ่งหากหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 2 รอบ ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างมั่นคง

...

ขณะที่ นายวิโรจน์ ฉัตรหิรัญย์ ประธานหอการค้าจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว เพราะเงินกลุ่มนี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาค ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินภายในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และอยากให้ภาครัฐแบ่งการจ่ายเงินออกเป็น 2 เฟส คือ ภายในระยะเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน จนกว่าจะครบ 10,000 บาท น่าจะดีกว่า เพราะจะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะยาวกว่าการจ่ายเงินเพียงครั้งเดียว

ส่วนเสียงสะท้อนจากภาคเหนือนั้น นายปรกฤษฏิ์ สายหัสดี กรรมการเลขาธิการ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หากมีเงินดิจิทัล 10,000 บาท ถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบ จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของคนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มของคนรากหญ้า จนไปถึงกลุ่มคนชนชั้นกลาง เพราะสองกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากช่วงที่โควิด-19 ระบาดมากที่สุด เพราะจะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายรายเดือนให้กับประชาชนได้อย่างน้อย 3-6 เดือน นับจากวันที่รัฐบาลเริ่มแจกเงิน

ขณะที่ นายจักริน วังวิวัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมเชียงใหม่ มองว่า การจ่ายเงินที่จะเริ่มขึ้นในช่วงของเดือน พ.ค. ปีหน้า ไม่ถือว่าช้าเกินไป แต่กลับเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีมากกว่า เพราะเงินดิจิทัลจำนวนนี้ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้ในเรื่องของการศึกษา เพราะตรงกับช่วงที่เด็กนักเรียนเปิดเทอมพอดี ถือเป็นการผ่อนแรงให้กับกลุ่มผู้ปกครองในการซื้อหาอุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน และสิ่งจำเป็นได้อีกมาก

...

ขณะที่ภาคใต้ก็สนับสนุนเงินดิจิทัลเช่นกัน นายกฤษฎา อึ้งสกุล ประธานหอการค้าจังหวัดสตูล มองว่า เงินดิจิทัลจะกระตุ้นเศรษฐกิจของ จ.สตูล ให้ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เพราะเศรษฐกิจภายในจังหวัดที่ผ่านมาค่อนข้างเงียบเหงา อีกทั้งผู้ประกอบการร้านค้าภายในจังหวัดต่างรอคอย เพราะจะทำให้สินค้าขายดีขึ้นและเกิดการจ้างงานได้มากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการจับจ่ายของประชาชนในพื้นที่มีความคึกคักเพิ่มขึ้น รวมไปถึงผู้ที่มีรายได้น้อยหรือมีรายได้ไม่คงที่ ก็สามารถนำเงินส่วนนี้ไปต่อยอดอาชีพ ช่วยทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้

สอดรับกับมุมมองของ นายณัฐนวรรธ ศักดา นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานี ที่ประเมินว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ภายในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าและร้านอาหาร ได้อานิสงส์จากโครงการนี้ ที่จะทำให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนและฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือถ้านโยบายนี้ออกมารัดกุมดี ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำได้อีกด้วย

...