ร้านของฝากและแม่ค้าขนมไทยโบราณที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โอดราคาน้ำตาลพุ่งยอดขายตก กำไรหดหาย จึงต้องลดปริมาณผลิตลง เพราะกำลังซื้อหาย แม้วัตถุดิบอื่นๆ ขึ้นก็ไม่กล้าขึ้นราคา กลัวขายไม่ได้

เมื่อวันที่ 9 พ.ย.66 จากการสำรวจร้านขายของฝาก และร้านขายขนมไทยโบราณในอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากราคาน้ำตาลทรายซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการทำขนม ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับผลกระทบ เพราะต้นทุนในการทำขนมเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยแม่ค้าบอกว่าก่อนหน้านี้ เคยซื้อน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 22-23 บาท  ปัจจุบันปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 29–30 บาท แต่ยอดขายกลับลดลงกำไรก็น้อยลง ทางร้านและแม่ค้า จึงจำเป็นต้องลดปริมาณการทำขนมลงจากเดิม เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพราะหากปรับขึ้นราคาก็คงขายไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ประชาชนก็ไม่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว การซื้อขายเงียบเหงามาก   

...

โดยพนักงานขายร้านของฝาก "บ้านขนมภูรุ้ง 2" ตั้งอยู่ริมถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ช่วงบ้านถนนหัก อ.นางรอง กล่าวว่า ตอนนี้ทางร้านต้องลดปริมาณการทำขนมลงจากเดิมเท่าตัว เพราะลูกค้าซื้อน้อยลง ประกอบกับราคาน้ำตาลซึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำขนมก็แพงขึ้นด้วย ทางร้านจึงจำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิต เมื่อก่อนเสาร์–อาทิตย์ ก็มีลูกค้าแวะเวียนซื้อขนมคึกคัก แต่ทุกวันนี้เงียบเหงา จะขายได้แค่ช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลเท่านั้น  

ไม่ต่างจาก นางทิพรัตน์ สงวนรักษ์ หรือ ป้าทิพย์ อายุ 64 ปี แม่ค้าขายขนมไทยโบราณ กล่าวว่า ตนเองขายขนมโบราณมากว่า 20 ปีแล้ว หลังจากราคาน้ำตาลปรับขึ้นราคา ก็ได้รับผลกระทบเพราะน้ำตาลก็ถือเป็นวัตถุดิบหลักในการทำขนม จากเมื่อก่อนจะซื้อน้ำตาลกิโลกรัมละ 22-23 บาท ขยับขึ้นมาเรื่อยเป็นกิโลกรัมละ 25 บาท  ปัจจุบันปรับขึ้นสูงถึงกิโลกรัมละ 29-30 บาท ทำให้ต้นทุนในการทำขนมเพิ่มขึ้นเพราะแต่ละวันต้องใช้น้ำตาลทรายทำขนม 5–6 กิโลกรัม ทำให้กำไรลดลงเพราะไม่กล้าปรับขึ้นราคา กลัวจะขายไม่ได้ ก็อยากวอนให้รัฐบาลช่วยควบคุมราคาสินค้าด้วย เพราะไม่ใช่แค่น้ำตาลทรายที่ปรับขึ้น น้ำมันพืช และสินค้าที่อีกหลายอย่างก็ปรับขึ้นด้วย ทำให้คนแทบไม่ออกมาจับจ่ายซื้อของเลย ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน.