แม่ค้าขนมหวาน ขนมไทยที่สตูลโอดต้นทุนสูงหนักหลังน้ำตาลแพงตาม แป้ง ไข่ไก่ ยีสต์ น้ำมันและแก๊สหุงต้ม กำไรหดหาย รายได้ลดลง แต่ต้องกัดฟันขายราคาเดิม เพราะต่างจังหวัดหากขายแพงคนจะไม่ซื้อ วอนรัฐบาลมาช่วยแก้ปัญหา ตรึงราคาสินค้าจำเป็นต่างๆ ช่วยผู้บริโภค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาราคาน้ำตาลทรายแพง ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการแม่ค้าขายขนมหวาน ขนมไทยต่างๆ ที่แบกรับภาระเพิ่มขึ้น รายได้ลดลง เพราะสินค้าทุกอย่างปรับขึ้นราคาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไข่ แป้ง น้ำมัน แก๊สหุงต้ม ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค.66 ที่ผ่านมาก็ปรับขึ้นราคาน้ำตาลอีก ทำให้กำไรที่เคยได้บ้างกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด วอนรัฐบาลเร่งแก้ปัญหา เหตุที่ต้องตรึงราคาขนมหวานไว้ในราคาเดิม เพราะพื้นที่ภูมิภาค หากขายแพงคนก็จะไม่ซื้อ จึงยอมกัดฟันทนขายราคาเดิม

นางนงลักษณ์ น่าหู เจ้าของร้านขนมหวานก๊ะทรง แม่ค้าขายขนมหวานและขนมไทยในตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองสตูล กล่าวว่า ตนขายขนมหวานมากว่า 40 ปีแล้ว แต่ละวันทำขนมกว่า 15 ชนิด เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวสังขยา หม้อแกงถั่ว หม้อแกงไข่ ฯลฯ ก่อนหน้านี้วัตถุดิบในการทำขนมทุกอย่างปรับขึ้นราคาหมด ทั้งแป้ง ไข่ ยีสต์ แก๊สหุงต้ม

...

เจ้าของร้านขนมหวานก๊ะทรง กล่าวต่อว่า วันนี้น้ำตาลปรับราคาขึ้น กก.ละ 4 บาท จากเดิม กก.ละ 28 เป็น 32 บาท แต่ละวันตนใช้น้ำตาลในการทำขนมวันละ 10 กก. สมัยของยังไม่ขึ้นราคาขายขนมได้วันละกว่า 3,000 บาท เมื่อของปรับขึ้นกำไรเหลือวันละ 1,000 บาท มาตอนนี้ทุกอย่างปรับขึ้นหมด กำไรหดเหลือแค่วันละ 500 บาท ตอนนี้น้ำตาลขึ้นอีก จะปรับขึ้นราคาขนมก็ไม่ได้เพราะหากราคาแพงก็ไม่มีคนซื้อ เพราะขนมหวานถือว่าไม่ใช่ของจำเป็น เช่น พวกข้าวแกงต่างๆ ที่ต้องกินทุกวัน ขนมหวานถ้าแพงชาวบ้านก็จะไม่ซื้อกิน

นางนงลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ขนมชิ้น เช่น หม้อแกง ขนมชั้น ก็จะขายตัดใส่กล่อง 2 ชิ้น กล่องละ 15 บาท ขนมหม้อแกงไข่ถาดจิ๋วถาดละ 45 บาท ก็ยังพอขายได้ อยู่ได้ เพียงแต่กำไรลดลงมากแทบจะไม่ได้อะไรเลยต้องขายของให้หมด หากเหลือก็จะขาดทุน ยอมรับว่าตอนนี้อยู่ลำบากมาก อยากให้รัฐบาลเห็นใจ ตรึงราคาสินค้าบริโภคจำเป็นต่างๆ ให้ด้วย เพราะชาวบ้านเดือดร้อนอย่างมาก จะซื้อน้ำตาลมากักตุนไว้ก็ไม่ได้มีทุนสำรองมาก เป็นเงินหมุนขายวันต่อวันเท่านั้น.