กรณีดราม่า 1 จังหวัด 1 เมนูฯ "แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง" ทำให้ประชาชนสงสัยมีส่วนได้เสียกับทางร้านเจ้าของสูตรหรือไม่ วัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม แจง ไม่มีเอี่ยวแต่อย่างใด แต่อยากให้แจ่วฮ้อนแพร่หลาย ใครๆ ก็เอาสูตรไปใช้ได้

จากที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้เชิดชู แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง มหาสารคาม เป็นเมนูเด็ดประจำจังหวัด จากการขับเคลื่อนนโยบาย Soft power งานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัด ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศจัดกิจกรรม การคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) รสชาติ…ที่หายไป คัดเลือก 1 เมนูต่อ 1 จังหวัด รวม 77 เมนู ประกาศยกย่องให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศนั้น โดยคุณสมบัติของเมนู 1. ต้องเป็นเมนูอาหารไทย อาหารท้องถิ่น หรืออาหารพื้นบ้าน 2. เป็นอาหารคาว อาหารหวาน หรืออาหารว่าง และ 3. เป็นเมนูอาหารใกล้สูญหาย หรือสูญหายแล้ว จนได้มีกระแสจากคนในจังหวัดมหาสารคามที่ออกมาต่อว่าการคัดเลือกเมนู แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง เพราะเป็นร้านค้าที่มีขายเพียงร้านเดียว แต่เป็นร้านที่มีชื่อเสียงของจังหวัดที่เปิดมานานกว่า 38 ปี

...

ขณะที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน ในประเด็นการที่วัฒนธรรมเลือกเอาเมนู แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง มาเป็นเมนูเด็ดประจำจังหวัดมหาสารคาม เป็นการเอื้อประโยชน์กับทางร้านเจ้าของสูตรหรือไม่ มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ อีกทั้งแจ่วฮ้อนท่าขอนยางไม่ใช่อาหารที่เป็นอาหารถิ่นพื้นบ้าน ทำให้สงสัยและติดใจในการบวนการคัดเลือกเมนูของจังหวัดมหาสารคาม

นายชูชาติ ราชจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม กล่าวถึงประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่า จากที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ทำโครงการนี้ทางจังหวัดมหาสารคามก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการในส่วนต่างขึ้นมาเพื่อคัดสรรเมนูดังของจังหวัด มีการลงโพสต์ให้ทุกคนในจังหวัดมีส่วนร่วมได้เลือกอาหารส่งมา จากนั้นก็ได้คัดสรรมาเหลือ 3 รายการ คือ ลาบมหาสารคาม เป็นร้านค้าที่อำเภอบรบือ ข้าวเม่าชุมชนโพธ์ศรี และ แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง ส่งให้กับทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม

วัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้มีการคัดเลือกจากคณะกรรมการแล้ว โดยทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรมก็ได้เลือกเอา แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง มาเป็นเมนูเด็ดของจังหวัดมหาสารคาม ทางเราก็ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านว่าไม่ได้หวงสูตร ใครอยากจะมาเอาสูตรก็สามารถมาเอาไปใช้ได้เลย ที่เรามาใช้แจ่วฮ้อนท่าขอนยางเพราะได้ทำแจ่วฮ้อนมานาน จนเป็นต้นตำรับ และเราก็ไม่มีส่วนได้เสียกับทางร้าน เรายกเมนูนี้มาก็อยากให้คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ต่อได้  

...

สำหรับ แจ่วฮ้อน ตามภาษาที่ชาวอีสาน เป็นหม้อไฟที่เป็นที่โด่งดังในภาคอีสาน โดยการนำสมุนไพรไทยต่างๆต้มในหม้อ ใส่เนื้อสัตว์ และผักต่างๆ จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว เพราะน้ำซุปจะอุดมไปด้วยสมุนไพรไทย ข่า ตะไคร้ พริก โหระพา และผักต่างๆ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก และระบบขับถ่ายได้ดีที่เดียวแจ่วฮ้อน น้ำซุปจะออกสีที่เข้มข้นคล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ส่วนผสมหลักๆ มาจากสมุนไพรไทย เครื่องต้มยำ เลือดวัว เลือดหมู และ ขี้เพี้ย (มูลที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ของวัว มีรสชาติที่ขมอ่อนๆ) โดย ขี้เพี้ย ถือเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของแจ่วฮ้อน เนื้อสัตว์ที่นิยมคือ เนื้อวัวและเนื้อหมู ผักที่นิยมคือ ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักบุ้ง และโหระพา ส่วนน้ำจิ้มจะเป็นน้ำจิ้มแจ่วผสมกับขี้เพี้ยเล็กน้อย รสชาติโดยรวมต้องบอกเลยว่าแซ่บมากๆ.