รถบรรทุกสินค้าภาคอีสาน จ่อปรับขึ้นค่าขนส่ง หลัง 21 ก.ค.นี้ รัฐไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล ทำให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่ม ผู้ประกอบการแบกภาระ วอนเร่งตั้งรัฐบาลใหม่ ช่วยปรับแก้โครงสร้างราคาให้เป็นธรรม
ตามที่ นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้ออกมาพูดถึงกรณีรัฐบาลจะไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล ตั้งแต่ 21 กรกฎาคม 2566 ก็เพื่อไม่ไห้เกิดผลผูกพันเป็นภาระงบประมาณไม่ถึงรัฐบาลใหม่ ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ณ โรงกลั่นในประเทศลดลง ซึ่งผลของการนำเงินกองทุนมาพยุงราคาน้ำมันดีเซลอีก ทำให้ต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 5 บาทต่อลิตร ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้ต้นทุนขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นด้วยประมาณ 10% และจะกระทบไปยังราคาสินค้า ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนไปด้วย
ต่อมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวจึงโทรสัมภาษณ์ นายสมคิด กิ่งกรดกลาง นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า การที่รัฐไม่เอาเงินกองทุนน้ำมันไปพยุงราคาน้ำดีเซลต่อ ย่อมจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการขนส่งโดยตรง เพราะรถขนส่งส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันดีเซล แต่ภาครัฐจะปรับขึ้นราคาน้ำมันเท่าไร ต้องรอดูอีกที ถ้าปรับขึ้นเป็นขั้นบันได เราก็ขยับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นตามแบบขั้นบันได เพราะราคาค่าขนส่งในปัจจุบันก็อยู่กันลำบากอยู่แล้ว ถ้าราคาน้ำมันปรับขึ้นอีก ก็จะยิ่งลำบากกันมากขึ้น
...
นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน กล่าวต่อว่า เวลานี้งานขนส่งในช่วงนี้ก็เงียบ ไม่ค่อยมีงาน เพราะเพิ่งจะเริ่มฤดูเพาะปลูก ไม่ใช่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต การว่าจ้างรถบรรทุกไปขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจึงมีน้อย ก็คาดหวังกันว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่โดยเร็ว เพื่อช่วยปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะจะรู้ที่มาที่ไปของพลังงานเชื้อเพลิง แต่หากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรียังยืดเยื้อออกไป จนทำให้การฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า ทางสมาคม-สมาพันธ์ฯ ก็ต้องไปหารือกับบริษัทคู่ค้าว่า จะสามารถรับมือกับค่าขนส่งที่ต้องปรับขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
นายสมคิด กล่าวอีกว่า เนื่องจากผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้จำเป็นต้องปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นตาม ราคาน้ำมันอาจจะปรับขึ้นทีละ 1 บาท 2 บาท ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลคงคลัง น่าจะอยู่ที่ลิตรละ 31 บาทกว่า แต่ราคาขายปลายทาง จะอยู่ที่ลิตรละ 32 บาทกว่า ส่วนค่าขนส่งจะอยู่ที่ตันละ 500 บาท ซึ่งพอจะวิ่งกันไหว ยังพอรับได้ ถ้าปรับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะต้องปรับค่าขนส่งขึ้นตามเช่นกัน โดยถ้าราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นลิตรละ 1 บาท ก็อาจจะเพิ่มค่าขนส่งขึ้นอีกตันละ 50 บาท เป็นต้น
นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ก็ต้องไปหารือกับกองทุนน้ำมันและบริษัทผู้ค้าน้ำมันด้วย เพราะส่วนใหญ่ก่อนมีการปรับขึ้นราคาน้ำมัน บริษัทผู้ค้าน้ำมันเหล่านี้มักจะมีน้ำมันสำรองเอาไว้ในสต๊อก ก็ต้องไปหารือว่า พอจะช่วยผู้ประกอบการขนส่งด้วยการขายน้ำมันในสต๊อกให้ในราคาเก่า ก่อนจะปรับขึ้นราคาได้หรือไม่ ถ้าตกลงกันได้ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการขนส่งได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งวันที่ 19-20 กรกฎาคม 2566 ก็จะเดินเข้าไปหารือร่วมกับทางสมาพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางรับมือและหาทางออกร่วมกัน โดยคาดหวังว่า จะได้รัฐบาลชุดใหม่โดยเร็ว เพื่อช่วยดึงราคาน้ำมันไม่ให้ปรับขึ้นต่อไปอีกระยะ.
...