นายอำเภอเกาะกูด จ.ตราด ร่อนหนังสือแถลงการณ์เผยแพร่ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ย้ำ "เกาะกูด" เป็นของไทย วอนกลุ่มบุคคลผู้รักชาติ พิจารณานำเสนอข่าวอย่างรอบคอบ หวั่นกระทบการท่องเที่ยว ด้าน นายก อบต.เกาะกูด ก็ทำหนังสือชี้แจง ขออย่าได้วิตกกังวล

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด จ.ตราด ได้ออกหนังสือเป็นคำแถลงการณ์เผยแพร่ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด โดยมีข้อความระบุว่า

ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสารมวลชนต่างๆ ที่ลงข้อความเกี่ยวข้องกับอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ที่เกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ทับซ้อน การเสียดินแดนและข้อความอื่นๆ ซึ่งอำเภอเกาะกูดได้เคยชี้แจงผ่านสื่อมวลชนแล้วหลายครั้ง ว่าอำเภอเกาะกูด เป็นดินแดนของประเทศไทยอย่างชัดเจนตามสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2449 (ค.ศ.1907) แต่ยังคงมีกลุ่มบุคคลผู้รักชาติพยายามแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ถึงกับจะลงมาจัดกิจกรรมในพื้นที่อำเภอเกาะกูด ซึ่งจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประชาชนบนเกาะกูดอย่างร้ายแรง

อำเภอเกาะกูด เป็นอำเภอที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยนับพันล้านบาท จึงขอวิงวอนกับกลุ่มผู้รักชาติที่เสนอข่าวเกี่ยวกับเกาะกูด ได้พิจารณาให้รอบคอบก่อนนำเสนอ เพราะจะกระทบต่อประชาชน และผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวของอำเภอเกาะกูดโดยตรง

ขณะที่นายเดชาธร จันทร์อบ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด ได้ทำหนังสือชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจต่อประชาชนชาวเกาะกูดและนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยได้มีการโพสต์หนังสือผ่านช่องทางโซเชียลขององค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด

...

โดยมีข้อความระบุว่า “ฅนเกาะกูด” ตามที่มีข่าวตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในทะเล ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติที่มูลค่ามหาศาลรวมถึงการจะเสียแผ่นดินบนเกาะกูดนั้น ได้มีนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะกูด ได้เกิดความหวั่นไหว วิตกกังวลกับข่าวดังกล่าว จึงได้โทรมาสอบถามข้าพเจ้าเป็นจำนวนมาก

ข้าพเจ้า นายเดชาธร จันทร์อบ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด เป็นลูกชาวเกาะกูดโดยกำเนิด ขอเรียนชี้แจงว่า

1. แผ่นดินเกาะกูดเป็นของประเทศไทย 100% เกาะกูดเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดตราด และประเทศไทย มีประชาชนชาวไทยอาศัยทำมาหากินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย จนถึงปัจจุบัน ไม่มีการเสียแผ่นดินเกาะกูดให้กับทางกัมพูชาแต่อย่างใดทั้งสิ้น ตามที่เป็นข่าว

2. พื้นที่ทับซ้อนในทะเลที่ทรัพยากรธรรมชาติมูลค่ามหาศาล ไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเกาะกูด สถานประกอบการ ธุรกิจที่ต่อเนื่องกับการท่องเที่ยวเกาะกูด เรื่องนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทย ไม่ว่าพรรคไหน หรือฝ่ายไหนที่จะมาเป็นรัฐบาล ที่จะต้องดำเนินการเจรจาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป

อนึ่ง จากประเด็นดังกล่าว อาจมีผู้นำไปเชื่อมโยงเหตุผลทางการเมืองต่างๆ มีทั้งเรื่องจริงบ้าง เท็จบ้าง ขอให้พี่น้องประชาชนชาวเกาะกูด รวมถึงสถานประกอบการต่างๆ ช่วยกันตรวจสอบดูแลอย่าให้เหตุการณ์ดังกล่าวมากระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาะกูด รวมถึงการท่องเที่ยวของเกาะกูด เราทุกคนต้องช่วยกันรักษาแผ่นดินเกาะกูด ซึ่งเป็นของประเทศไทยต่อไป “ผมรักเกาะกูด......ครับ”