หลัง “ประเทศไทย” เปิดบ้านรับต่างชาติมาเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แบบหมูไม่กลัวน้ำร้อนจาก “โควิด-19” ที่ยังระบาดอยู่ทั่วโลก เพื่อหวังฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ...เออแน่ะ! บรรยากาศท่องเที่ยวช่างดูดีมีอนาคต...ต่างชาติแห่มาเที่ยวไทยบันไดไม่แห้ง

พลิกแฟ้มทบทวนข้อมูลตัวเลข...กระทรวงการท่องเที่ยวฯสรุปปี 2562 ไทยมีต่างชาติมาเที่ยว 39.91 ล้านคน พอปี 2564 เหลือ 4.27 แสนคน ใกล้เคียงปี 2512 ที่ท่องเที่ยวคล้ายเด็กหัดเดิน 4.69 แสนคน

ปี 2565 เริ่มออร่า 11.5 ล้านคน มาถึงปีนี้...คาดว่าจะมาเต็มคาราเบล 20 ล้านคน พอจีนเปิดให้คนเที่ยวได้ทั้งอินดิวิดวลและกรุ๊ปทัวร์...เท่านั้นแหละทำเอาไทยวี้ดว้ายกระตู้วู้...ต้องได้ 30 ล้าน ชัวร์ป๊าบ

อย่าลืม...ครม.เพิ่งอนุมัติเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเหมือน สปป.ลาว เก็บ “ปี้ (ตั๋ว)” ครั้งเปิดบ้านใหม่ๆ ถ้ามาทางอากาศคนละ 300 ทางบก 150 บาท...

เราจะมีเงินพัฒนาท่องเที่ยวมากก็อีหรอบนี้?

แลนดิ้งตลาด “ไทยเที่ยวไทย” ดู...ปีนี้ขี้หมูขี้หมาชัวร์ 160 ล้านคนต่อครั้ง...เว้นแต่จะถูกเตะตัดขาล้มก่อนจากการเมืองน้ำขุ่นก่อนเหม็นเน่าหนัก? หรือ “หมาต๋า” ฉาวโฉ่รุนแรงกว่า? ให้จีนหนีคดีมาเอาสัญชาติทำธุรกิจสีเทาเข้ม รีดไถทัวร์จีน ซุปตาร์ไต้หวัน นายพลเอี่ยวพนันออนไลน์ ฯลฯ

...

ถ้าเป็นเช่นนี้บรรยากาศท่องเที่ยวที่ทำท่าจะดีวันดีคืนก็อาจจะสะดุดลงจนได้...อย่าลืมโอกาสในวิกฤติที่ปีนี้คนซีกโลกตะวันตกเฮโลลดก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนคนลางานไปท่องเที่ยวไม่จำกัดวันแต่จ่ายเงินเท่าเดิม แล้ว “เวิร์ก ฟรอม โฮม” หรือเที่ยวพร้อมหาห้องทำงานแห่งที่สองในบ้านเมืองตนเอง และบ้านเมืองคนอื่น...

นี่เป็นหนึ่งในโอกาสทองของตลาดท่องเที่ยวไทย...แต่กลับ “วูบ” ได้จากพฤติกรรมที่ว่ามา

แล้วก็มาถึงตลาดไทยจะไปโลดกี่มากน้อย...เมื่อ ครม.อนุมัติโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ให้เที่ยวกันถึงสิ้นปี จะได้เป็น “ท็อป เดสติเนชัน” สมหวังที่ตั้งใจเดิม 160 ล้านคนต่อครั้ง แล้วส้มหล่นเกิดขยายเป้าเป็น 189 ล้านคนต่อครั้ง...คนไทยจะได้เที่ยวแล้วเลิกสนใจเรื่องเทาๆใต้พรมเสียที

ถึงตรงนี้ก็คงจะต้องมาลุ้นไทยเที่ยวไทยกันต่อ...เอาใจคนไทยและต่างชาติที่พำนักในไทยให้คิดวางแผนจะเที่ยวไหนดี? นอกจากถ่อไปชิมอากาศภาคเหนือกับอีสานที่คลั่งไคล้กันสุดๆช่วงหนาวนี้

แนะนำโครงการหนึ่งซึ่งจับต้องได้ง่ายๆไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพ...คือ “ระยองอีท@อีสต์” ของ ททท.ระยอง ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ชวนคนไปเที่ยวตะวันออกที่ระยอง กินอาหารทะเลสดๆ ถิ่นประมงซึ่งมี 44 กลุ่ม กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นตามเทรนด์ไลฟ์สไตล์คนชอบเที่ยวยุคนี้

วัชรพล สารสอน ผอ.ททท.ระยอง อดีตผู้ช่วยพัทยา ชี้พัทยาคือนครแฟนทาสติกสีสันอ่าวไทยฝั่งตะวันออกที่ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวถึง 18 ล้านคน แต่พัทยาขาดตำนานวิถีชุมชนเหล่านี้

“ที่นี่มีทะเลผืนยาว 105 กิโลเมตร มีหาดทรายเรียงรายมากมาย” วัชรพล ว่า “และมีแหล่งประมงพื้นบ้านเหมาะเป็นแหล่งใหม่ให้คนมาเที่ยว นอกจากนี้มีเกาะและโลกมหัศจรรย์ใต้น้ำให้ผู้ชื่นชอบกีฬาดำน้ำทั้งแบบสน็อกเกิลผิวน้ำหรือสกูบาน้ำลึกให้ค้นหา”

ที่สำคัญ “ระยอง” ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลไม้มีชื่อระดับประเทศและต่างประเทศ

ผลไม้ไทยที่รู้จักกันดีคือทุเรียนราชาผลไม้ และเงาะราชินีคู่ใจ อีกทั้งมังคุด ลางสาด ลองกอง พืชเศรษฐกิจสร้างรายได้เกษตรกรท้องถิ่นปีละหลายหมื่นล้านบาทจากตลาดในและนอกประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ยุโรป อเมริกา แล้วยังเปิดสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชิมถึงโคนต้นได้บรรยากาศ

น่าสนใจว่า...เซ็กเมนต์นี้สามารถสร้างรายได้อีกต่างหากปีละ 200 ล้านบาท

“น่าเสียดาย...กิจกรรมนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ปีละ 3-4 เดือน คือมีนาคมถึงมิถุนายน แต่ปัจจุบันชาวสวนรุ่นใหม่รู้จักนวัตกรรมการทำสวนด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณกับกำลังทดลองเร่งผลผลิตนอกฤดูให้ได้ตลอดทั้งปี”

...

ปัจจุบันระยองมีทุนเดิมด้านปัจจัยสนับสนุนชั้นแนวหน้า อาทิ การคมนาคมใกล้เมืองหลวง 170 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษ เป็นเครือข่ายห่างพัทยาไม่เกิน 60 กิโลเมตร ทำเลที่ตั้งก็อยู่ในรัศมีสนามบินนานาชาติถึง 3 แห่ง คือสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา กับมีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการทันสมัยไม่ตกยุค 2023

นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งธรรมชาติทะเลและอุทยานแห่งชาติทั้งทางบกทางทะเล มีป่าชายเลนกลางเมืองที่มนุษย์สร้างขึ้น มีประวัติศาสตร์น่าศึกษาและเป็นทรัพยากรทางการท่องเที่ยว

...

จากการศึกษาระยองมีชุมชนพื้นบ้านรวมตัวอย่างเข้มแข็งราว 1,800 คน ใช้พื้นที่ทะเลหากิน 1.5 ล้านไร่ กับเรือประมงพาณิชย์และพื้นบ้าน 3 พันกว่าลำ...ประมงจังหวัดระบุขีดความสามารถจับสัตว์น้ำทางทะเลได้ประมาณ 38,683 ตัน มูลค่า 3,095 ล้านบาทต่อปี...

สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการส่งเข้าสู่ตลาดก่อนกลายเป็นวัตถุดิบปรุงรส เป็นอาหารทะเลสดตามภัตตาคารและร้านอาหารอร่อยทั่วระยองไปสู่กลุ่มผู้บริโภคคือนักท่องเที่ยวอีกมหาศาล

“ระยอง” เคยมีคนมาเที่ยวปี 2562 ก่อนโควิดระบาด 7.76 ล้านคน ปี 2564 เหลือไทย 1.36 ล้านคน ต่างชาติหร็อมแหร็ม 7,379 คนหายไป 93.93% ปี 2565 คนเริ่มมั่นใจมาเที่ยวมากขึ้นเป็น 2.64 ล้านคนหรือ 95.25% ต่างชาติที่หายไปกลับมา 1.11 แสนคนสูงถึง 1,409%

ทำรายได้เฉพาะปีที่แล้ว 9,681 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148%...นี่เป็นข้อมูลที่ ททท.ระยองรวบรวมไว้เพื่อทำตลาด

ปีเดียวกันคนไทยจะใช้เงินต่อทริปคนละ 3,535 บาท และจากการสรุปข้อมูลทางสถิติรายจ่ายประจำวันปี 2562 คนไทยใช้เงินวันละ 2,916 บาท สูงสุดเป็นค่าที่พัก 699 บาท รองลงมาเป็นค่าอาหาร 633 บาท ที่เหลือเป็นค่าบริการ ค่าพาหนะและอื่นๆ...แสดงว่าเรื่อง “กิน” เป็นสาระสำคัญระหว่างท่องเที่ยว...

และเมื่อมาเที่ยวระยองแหล่งอาหารทะเลสด ก็ต้องกินอาหารทะเลให้แซ่บถูกปากจากคนท้องถิ่น...ซึ่งราคาบ้านๆเท่ากับได้กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

...

คอนเทนต์นี้นำร่องแล้วด้วยกีฬาตกปลาชายฝั่งซีรีส์ “มัจฉาหาคู่” ที่หาดแหลมรุ่งเรือง มีเรือเข้าร่วม 96 ลำ 315 คน...เกมนี้ใครได้ปลานำมาให้ “มาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์” ปรุงอาหารในร้านแหลมรุ่งเรือง จากนั้นทำจิตอาสาปล่อยปลากะพงขาว 4,500 ตัวคืนทะเล สร้างการรับรู้กับผู้สนใจ...

พร้อมจัดทีมอย่างต่ำ 20 คนไปเที่ยวถิ่นชุมชนระยองพักค้างคืนโรงแรมหรือรีสอร์ตอีก 1 คืน

ส่งท้ายปลูกหญ้าทะเลหรือปล่อยสัตว์น้ำลงทะเล ช่วยรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมชุมชนริมฝั่ง...ททท.ระยองจะเลี้ยงอาหารทะเลสดๆตอบแทนหัวละ 250 บาท 1 มื้อ...ตอบแทนทัวร์แบบ “ตัวแม่ (ศัพท์โซเชียลคือ “ทำดี”)” วิถีชุมชนระยอง หนุน “ไทยเที่ยวไทย” 189 ล้านคนต่อครั้งปีนี้

เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศบุกไปพิสูจน์ “ระยองอีท@อีสต์” ระเบิดพลังชุมชนของดีของเด่นระยองฮิ.