ตำรวจ ปส.นำหมายศาลบุกจับ สมาชิกขบวนการยาเสพติดระดับชาติ เครือข่าย หมูป่ามหาภัย ทำหน้าที่ฟอกเงิน อายัดบ้านไม้สักทองหลังใหญ่ที่ชลบุรี และทรัพย์สินอื่นมูลค่าร่วม 50 ล้าน อ้างประกอบอาชีพสุจริต ได้เงินจากการขายเครื่องประดับจิวเวลรี่

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 30 มิ.ย. ที่หน้าบ้านเลขที่ 105/40 ซอย 39 หมู่ 5 ต.บางทราย อ.เมือง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.(ปป.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผวจ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.2 ทหาร กอ.รมน. และผู้เกี่ยวข้องแถลงข่าว ปส.บุกยึดทรัพย์ เครือข่ายหมูป่ามหาภัย โดยนำหมายค้นและหมายจับศาลอาญา ตรวจค้นบ้านไม้สักทองหลังใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 300 ตารางวา มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยบางทราย 39 เลขที่ 105/40 หมู่ 5 ต.บางทราย อ.เมือง จ.ชลบุรี จับกุมนายประสิทธิพร ฐิติวรสกุลชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐานฟอกเงินฯ เบื้องต้น นายประสิทธิพร ให้การปฏิเสธ อ้างว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้มาจากการทำธุรกิจรับซื้อจิวเวลรี่ เครื่องประดับ ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดตามที่ถูกกล่าวหา ยืนยันตัวเองไม่มีประวัติด่างพร้อยหรือเสื่อมเสีย

...

พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.(ปป.) แถลงว่า ตำรวจสืบสวนพบว่าผู้ต้องหา เป็นผู้ที่นำเงินจากขบวนการค้ายาเสพติด มาฟอกเงินทั้งสร้างบ้านขนาดใหญ่ และซื้อทรัพย์สิน รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์แล้วให้ผู้อื่นถือครอง โดยพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญคือ นายฐปนันท์ ธรรมรัตน์ธาดา หรือ “หนูเฉิน” ที่ได้หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนี้ จะลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาทาง จ.กาญจนบุรี และนำมากระจายขายในประเทศ

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 30 จุดทั่วประเทศ ได้ผู้ต้องหา 2 คน มีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินของขบวนค้ายาเสพติด ซึ่งสืบเนื่องจาก เมื่อช่วงวันที่ 27-28 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา ตำรวจ ปส. ทำการเข้าจับกุมนายกอเซ็ง เจะหะ ได้พร้อมของกลางยาไอซ์ 250 กิโลกรัม ก่อนขยายผลมาจับกุมนายวงศกร ศรีโรจน์ พร้อมของกลางเฮโรอีน 9 กิโลกรัม ไอซ์ 9 กิโลกรัม และยาบ้า 9,800 เม็ด เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2563 และเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2563 สามารถจับกุมนายวีรดิษฐ์ ปั้นห้าว กับพวกรวม 2 คน พร้อมของกลางไอซ์ 11 กิโลกรัม ยาบ้า 560,00 เม็ด เฮโรอีน 3.7 กิโลกรัม ยาอี 8,544 เม็ด และเคตามีน 3 กิโลกรัม จากการสืบสวนพบว่าทั้งหมดเป็นเครือข่ายของนายชุติพันธ์ อธิปัตยะวงศ  หรือมด และ น.ส.กนกวรรณ ประสาทเขตการ สองผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี มีการติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ในชื่อกลุ่ม หมูป่า ติดต่อกับ นายหนูเฉิน ที่หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และการสืบสวนจากทุกคดีที่เกี่ยวข้องพบว่าเส้นทางการเงินทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกลับมาที่ นายประสิทธิพร จึงมีการดำเนินการออกหมายจับและเข้าจับกุมพร้อมอายัดทรัพย์ทั้งหมดของนายประสิทธิพร เพื่อมาตรวจสอบในครั้งนี้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฟอกเงินกับนายประสิทธิพร ก่อนจะคุมตัวกลับไป ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ส่วนทรัพย์สินเบื้องต้นพบว่า ที่ดินที่ปลูกบ้านหลังที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ไม่มีโฉนด แต่เป็นที่ดินที่เช่าจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งการดำเนินการต่อจากนี้ในส่วนของบ้านพักหากผู้ต้องหาไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ก็ต้องดำเนินการ รื้อถอนบ้าน และนำไม้สักที่ใช้ในการปลูกบ้านไปขายทอดตลาดตามขั้นตอนนำเงินกลับสู่แผ่นดินต่อไป เบื้องต้นประมาณมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดในวันนี้ประมาณ 50 ล้านบาท 

สำหรับตัว นายประสิทธิพร ทำหน้าที่ในการฟอกเงินให้กับเครือข่าย โดยจากการข่าวพบว่า เมื่อกลุ่มผู้ค้ารายย่อย ได้ขายยาเสพติดแล้ว จะให้นายศณิศร เพียรช่าง หรือ โจ ผู้ต้องหาอีกรายที่ตำรวจ ปส.สามารถจับกุมได้จากย่านลาดพร้าวเมื่อวานนี้ ทำหน้าที่หย่อนเงินให้กับเครือข่าย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับ นายประสิทธิพร และจากการเข้าตรวจค้นบ้านพักกับคอนโดของนายโจ พบตู้เซฟขนาดใหญ่ และรถหรูหลายคัน ส่วนตัวนายประสิทธิพร การสืบสวนพบว่าทำหน้าที่นำเงินจากเครือข่ายมากระจายเปลี่ยนเป็นทรัพย์ต่างๆ เช่น คอนโด ที่ดิน บ้าน หรือรถหรู ในชื่อของบุคคลอื่น

ขณะที่ ทางบิดาของนายประสิทธิพร ได้เดินออกมาพบกับสื่อมวลชน หลังจากที่ ตำรวจ ปส.ได้คุมตัวนายประสิทธิพร ออกจากบ้านไป โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่าลูกชาย มีธุรกิจอยู่แล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติด ก่อนจะถูกทนายกันตัวออกไป  ซึ่งทนายความได้ชี้แจงเพียงสั้นๆ ว่า จะไปร่วมรับฟังการสอบปากคำของลูกความ และเตรียมเอกสารเพื่อไปใช้ในการประกันด้วย ยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีความทั่วไป ไม่ได้ใหญ่โตตามที่มีการนำเสนอข้อมูล เชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้กระจ่าง สื่อและสังคมจะได้รู้ว่า คดีนี้เป็นคดีใหญ่เหมือนที่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งหรือไม่