ตำรวจเมืองชลฯ บุกทลายแก๊งจีนปล่อยเงินกู้นอกระบบ รวบคนดูแลชาวจีน และพนักงานชาวไทยรวม 40 คนดำเนินคดี แฉเรียกดอกเบี้ยสุดโหดร้อยละกว่า 5 บาทต่อวัน เน้นปล่อยกู้รายย่อย 2,000-10,000 บาท ระยะเวลา 7 วัน โดยหักดอกเบี้ยไว้ก่อน พอครบกำหนดต้องใช้หนี้เต็มจำนวน โดยใช้แอปพลิเคชัน “360 ยืมเงิน” และ “ยืมเถอะ” เป็นเครื่องมือฉกข้อมูลในโทรศัพท์และบัญชีโซเชียลของลูกหนี้ เพื่อใช้ทวงถามหนี้จากคนใกล้ชิดลูกหนี้บีบให้ชำระเงิน นายทุนใหญ่เป็นชาวจีน มีคนหลงเป็นลูกค้าวันละ 1,000 ราย ยอดปล่อยกู้วันละ 2-3 ล้านบาท

ตำรวจบุกทลายแก๊งจีนปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหดรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 เม.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.รรท. ผบก.ภ.จ.ชลบุรี สั่งการให้ พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.สภ.หนองปรือ ร่วมกับตำรวจศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภ.จ.ชลบุรี นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ที่ ค.59/2564 ลงวันที่ 29 เม.ย.64 เข้าตรวจค้นอาคารพรีวิลเลจสวีท เลขที่ 231/19 ถนนพัทยาสาย 2 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สืบทราบเป็นแหล่งปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชัน มีการติดตามทวงเงินจากผู้กู้ รวมถึงญาติและเพื่อนร่วมงานของลูกหนี้ เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อน

ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมเก่าที่เลิกกิจการไปแล้ว แต่กลุ่มเงินกู้นอกระบบเช่าอาคารทั้งหลัง แต่ใช้งานเพียงชั้น 2 มาทำเป็นสำนักงาน พบนายหวัง เป่ย ชาวจีน อายุ 33 ปี แสดงตนเป็นผู้ดูแล มีพนักงานคนไทยทั้งชายและหญิงรวม 39 คน นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งหมดให้การว่าเป็นพนักงาน มีนายหวัง เป่ย เป็นหัวหน้างาน คุมตัวนายหวัง เป่ยและพนักงานรวม 40 คน พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 39 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 39 เครื่อง เอกสารที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบส่งพนักงานสอบสวน สภ.พัทยา ดำเนินคดีฐานร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันประกอบธุรกิจทวงหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆในสถานที่แออัด หรือฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

...

พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี กล่าวถึงการดำเนินการของแก๊งเงินกู้รายนี้ว่า จะมีพนักงานโทร.ติดต่อตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับมาวันละกว่า 100 ราย ชักชวนให้กู้เงินหากสนใจก็จะขอแอดไลน์แล้วส่งลิงก์แอปพลิเคชัน “360 ยืมเงิน” และแอปฯ “ยืมเถอะ” ให้ลูกค้ากรอกประวัติ เบอร์โทร ไลน์ เฟซบุ๊ก เลขบัญชีธนาคาร พร้อมจัดส่งเอกสารที่ลูกค้าต้องใช้ในการกู้ยืมไปให้ ซึ่งแอปฯดังกล่าวจะล้วงข้อมูลจากโทรศัพท์ของลูกค้าได้ทุกประเภทเพื่อนำไปใช้ในการทวงหนี้

รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี กล่าวต่อว่า การปล่อยเงินกู้ของแก๊งนี้ จะปล่อยกู้รายย่อย 2,000-10,000 บาท และปล่อยกู้ช่วงสั้น 7 วัน คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5.7225 ต่อวัน หรือร้อยละ 2,090 ต่อปี เมื่อทำสัญญากู้จะหักดอกเบี้ยไว้เลย เงินที่เหลือส่งให้ผู้กู้ และเมื่อครบ 7 วัน ผู้กู้ต้องชำระคืนเต็มจำนวน หากติดต่อลูกค้าไม่ได้จะโทร.ไปทวงถามยังหมายเลขของคนรู้จัก เช่น เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ญาติสนิท และคนใกล้ชิด ที่แอปฯดึงข้อมูลไว้ จนลูกหนี้เกิดความเดือดร้อนยอมชำระเงินต้นทั้งหมดในที่สุด

พ.ต.อ.เอกภพกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบนายหวัง เป่ย เดินทางเข้ามาในประเทศในลักษณะวีซ่าของนักท่องเที่ยว ส่วนพนักงานประกาศจ้างในประเทศ สอบสวนนายหวัง เป่ย ให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวจีนชื่อนายเฉิน ไม่ทราบชื่อนาม สกุล ให้เป็นผู้ดำเนินการ หาเช่าสถานที่ และจัดซื้ออุปกรณ์สำนักงาน โดยนายเฉินเป็นคนโอนเงินค่าใช้จ่ายต่างๆให้ ในแต่ละวันจะมีลูกค้าสมัครขอกู้ยืมเงินวันละประมาณ 1,000 ราย มูลค่าวงเงินที่ปล่อยกู้ในแต่ละวันประมาณ 2-3 ล้านบาท ต้องขยายผลต่อไปและดูว่าเชื่อมโยงกับขบวนการปล่อยเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชันที่เพิ่งถูกจับกุมไปเมื่อเร็วๆนี้หรือไม่