นโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ “อีอีซี”มีเป้าหมายต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ และส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนมีงานทำจากภาคอุตสาหกรรม กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น เริ่มในพื้นที่ภาคตะวันออก คือ จ.ชลบุรี จ.ระยอง และ จ.ฉะเชิงเทรา

ตาม พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 หรือ พ.ร.บ.อีอีซี และมีความพยายามตีความข้อกฎหมาย ที่อาจขยายทั้งภาคตะวันออก ในพื้นที่ จ.ตราด จันทบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี

อีกทั้งการพัฒนาอีอีซียังดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการฯ นอกพื้นที่กำหนดได้อีกด้วย ที่มีคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ น่าสนใจว่า...“ซุปเปอร์บอร์ด อีอีซี” ยังมีอำนาจพิจารณาอนุมัติในเรื่องอื่นที่ขัดกฎหมายหลัก เพื่อให้อีอีซีเดินหน้าได้ด้วย...

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ข้อมูลว่า ตามแผนอีอีซีมองอีกมุมอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมลงทุนเรื่องอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ เพราะนักธุรกิจต่างชาติอาจไม่สนใจเรื่องนั้น

ดร.โสภณ
ดร.โสภณ

...

แต่หันมาลงทุนเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมบริการ เช่น ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม “หวังกอบโกยตักตวงผลกำไร” ทำให้โครงการอีอีซีอาจไม่ตรงจุดประสงค์ตามรัฐบาลคาดหวังไว้ หรือไม่ตรงเป้าหมาย ก่อให้เกิดเสียผลประโยชน์ขึ้นได้

ตามที่มีการออก พ.ร.บ.อีอีซี เพื่อดำเนินการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นระบบสอดคล้องกับหลักการพัฒนายั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมการประกอบพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทันสมัย สร้างนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่น่าสนใจ...“รัฐบาล” จูงใจนักลงทุนต่างชาติ ด้วยการออกกฎหมาย เปิดช่องให้สามารถเช่าที่ดินได้ 99 ปี จากเดิม 50 ปี แบ่งเป็น 2 ระยะ ในระยะแรก...อนุมัติการเช่าไม่เกิน 50 ปี ส่วนระยะที่สอง...ไม่เกิน 49 ปี

รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 99 ปี ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา

ตามปกติแล้ว...อสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศสามารถเช่าที่ดินกันได้ 3 ปี ถ้าเกินกว่านั้น...ต้องจดทะเบียนทำสัญญาเช่าต่อหน้าเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ที่ไม่เกิน 30 ปี หากใกล้ครบกำหนด...ก็มาทำสัญญากันใหม่ได้...

นับแต่ปี 2542 ประเทศไทยให้ความสำคัญในการดึงดูดให้ต่างชาติมาลงทุน มีการออก พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 ต่างชาติเช่าพื้นที่ลงทุนได้ 30 ปี และต่อระยะเวลาเช่าได้อีกไม่เกิน 50 ปี แต่ต้องทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ...

ทว่า...พ.ร.บ.อีอีซี กลับตัด พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ปรับเปลี่ยนใหม่ จากเคยเช่าได้ 50 ปี เป็น 99 ปี ที่เรียกว่าต่างชาติถือโฉนดที่ดินไทยได้โดยไม่มีข้อจำกัดทั้งขนาดและเวลา หรือเช่าที่ดินไทยได้ 50 บวกเพิ่มอีก 49 ปี รวม 99 ปี สามารถทำสัญญาในวันเดียวกันได้ แต่สัญญาอย่างละฉบับกัน...

มองว่าในระยะแรก...พื้นที่เปิดเช่ามีโอกาสเจริญ และราคาที่ดินแพงขึ้นจริง แต่ระยะยาว...ที่ดินมีราคาแพงนี้ผลประโยชน์ตกอยู่กับกลุ่มนายทุน เพราะมีกำลังทรัพย์ซื้อหาได้ แถมยังปล่อยให้ต่างชาติเช่าต่อได้อีก

หนำซ้ำ...เขตอีอีซีสามารถนำพื้นที่ ส.ป.ก. ที่ดินราชพัสดุ หรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม มาให้นักธุรกิจเช่าในด้านการพัฒนาอันเกี่ยวเนื่องกับกิจการพัฒนาเขตอีอีซีในราคาถูกได้ด้วย ถือว่า...เป็นการเอาใจต่างชาติมากเกินไปหรือไม่ แต่คนไทยกลับครอบครองไม่ได้ หรือหากครอบครองได้ ก็ต้องใช้พัฒนาด้านเกษตรกรรมเท่านั้น

เรื่องเช่าที่ดินเขตอีอีซี ยาว 99 ปีนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบคนต่างชาติ...ในสิ่งที่ควรได้...กลับไม่ได้อย่างที่คาดหวัง...ในโอกาสสิทธิประโยชน์การพัฒนาพื้นที่...

อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ “นักธุรกิจต่างชาติ” เข้ามาลงทุนแบบ “ไม่ต้องเสียภาษี” มีการยกเว้นสารพัดภาษี ทั้งยกเว้น...ภาษีรายได้นิติบุคคลยาวนานถึง 13 ปี และ 15 ปี ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ยกเว้น...ภาษีนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ สิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย

ทั้งหมดเหล่านี้เท่ากับว่า...สามารถกระตุ้นต่างชาติ เกิดแรงจูงใจ เข้ามาลงทุน “เขตอีอีซี” ได้จริง แต่มาแบบลักษณะ “เอาเปรียบคนไทย” จนเกิดความเสียเปรียบในทางการลงทุนรุนแรง...แถมยังใช้เงินตราต่างประเทศแบบเสรี มีผลให้เกิดการเสียเอกราชทางการเงินในประเทศได้ด้วยซ้ำ

...

ส่งผลกระทบถึง “ทำลายนักวิชาชีพ” เช่น กลุ่มแพทย์ พยาบาล นายหน้าผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน หรืออสังหาริมทรัพย์ ที่บุคคลใดมีใบประกอบวิชาชีพจากประเทศต้นทางมาแล้ว...เข้ามาแพรคทิส (practice) ในการปฏิบัติหน้าที่แบบไม่ต้องให้หน่วยงานท้องถิ่น หรือนักวิชาชีพภายในประเทศควบคุมกำกับดูแล

กลายเป็น “เปิดฟรีเสรี” ให้คนต่างชาติ “มีสิทธินอกอาณาเขต” เข้ามาทำลายนักวิชาชีพคนไทย ที่แตกต่างจากต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย หากนักวิชาชีพจะเข้ามาทำงานในประเทศต้องได้รับอนุญาตก่อน...ถ้าใครฝ่าฝืนต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

“สิ่งนี้เป็นการเอาใจคนต่างชาติมากเกินไปหรือไม่...เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยเสียเอกราชให้กับประเทศใด ยุคนี้กลับยอมปล่อยต่างชาติ มามีอำนาจครอบครองพื้นที่นานเท่ากับชีวิตคน 1 รุ่น มีสิทธิมากมายกว่าคนไทยด้วยซ้ำ เพียงเพราะหวังกระตุ้นเศรษฐกิจเล็กน้อยนี้” ดร.โสภณ ว่า

ปัจจุบันมีนักธุรกิจเริ่มทยอยเข้ามาลงทุนบ้างแล้ว โดยเฉพาะนักธุรกิจจีน และบางส่วนมีแผนจะเข้ามา...แต่ยังไม่ปรากฏตัวว่า...เข้ามากัน หากเปรียบกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ นักธุรกิจกลับหันไปลงทุนในประเทศเวียดนามมากกว่าประเทศไทยสูงถึง 1 ใน 3 ของนักธุรกิจมาลงทุนทั้งหมด

ทั้งที่ประเทศเวียดนามมีเขตอุตสาหกรรมละ 1 ตำบล แต่เมืองไทย มีการประกาศเขตอีอีซีกว้างถึง 3 จังหวัด และไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจอีอีซี ไม่มีให้เช่าที่ดิน 99 ปี แต่เวียดนามกลับดึงดูดนักธุรกิจต่างประเทศ ลงทุนได้มากมาย อาจเป็นเพราะบรรยากาศทางการเมืองดีกว่า หรือ เศรษฐกิจคึกคักมากกว่า...

...

สิ่งที่สนใจ...ในเรื่องอำนาจขีดพื้นที่ เพื่อเวนคืนที่ดินของประชาชน และแก้ไขผังเมืองจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม หากแต่มีการวางแผนที่ดี คณะกรรมการอีอีซีต้องกำหนดพื้นที่เฉพาะให้ชัดเจน

เพื่อปรับผังเมืองให้เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม แบ่งออกเป็นโซน เช่น โซนบ้านจัดสรร โซนอุตสาหกรรม โซนศูนย์การค้า จากนั้นเปิดให้นักลงทุน เข้ามาประมูลพื้นที่ดำเนินโครงการฯ

แต่เรื่องนี้ “ซุปเปอร์บอร์ด อีอีซี” กลับปล่อยให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ออกกว้านซื้อที่ดินชาวบ้านราคาถูก ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี กว่า 1 แสนไร่ นำมาเสนอขอจดทะเบียนเขตนิคมอุตสาหกรรมเอง หรือการสร้างเมืองใหม่ มาบรรจุลงไปในผังเมืองใหม่แบบสอดรับกันพอดี

มีข้อสังเกตสำคัญอีกว่า...เส้นทางรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา เส้นทางอ้อมชุมทางมายัง จ.ฉะเชิงเทรา สร้างสถานีใหญ่ที่สุด เพื่อให้วิ่งผ่านพื้นที่กลุ่มนายทุน มีการกว้านซื้อเตรียมไว้แล้ว ที่มีการทำกันแบบลับๆล่อๆ ไม่มีอะไรชัดเจน ทั้งๆที่มีการประมูลโครงการฯ เรียบร้อย

และทั้งหมดนี้...กำลังถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ  “กลุ่มนายทุน” เพราะกลุ่มทุนบางคนมีที่ดินหรือหาซื้อรวบรวมที่ดิน เพื่อประโยชน์ที่ว่านี้...เตรียมไว้แล้วเรียบร้อยไทยแลนด์แดนสวรรค์

สิ่งต้องทำย้ำว่า...ควรวางแผนผังเมืองให้เรียบร้อย เพื่อให้สอดคล้องพื้นที่ในการพัฒนาอีอีซีก่อน และปรับปรุงทบทวนนโยบาย คำสั่งประกาศ ที่ออกไปแล้วให้สอดคล้องความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่

เพราะในท้ายที่สุดอาจกลายเป็นว่า “ประเทศไทย” เสียเอกราช...ทางเศรษฐกิจ ให้กับ “คนต่างชาติ” เข้ามาครอบครอง ครอบงำ เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล...โดยที่ใครก็ทำอะไรไม่ได้.

...