เรื่องไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยความสิ้นคิดของตำรวจ กลายเป็นคดีอื้อฉาวทำให้ตำรวจคนอื่นได้รับผลกระทบตามไปด้วย สุดท้ายเป็นอีกประเด็นที่ “คนนอก” นำมาเป็นเงื่อนไขปฏิรูปตำรวจ แม้จะเป็นความผิดส่วนตัว

เรื่องราวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ทำหน้าที่ควบคุมห้องขัง มาเรียกรับเงินจากหญิงสาวที่ถูกจับกุมดำเนินคดี แลกกับการปล่อยตัวเป็นอิสรภาพไม่ให้ต้องถูกดำเนินคดี

ไม่เพียงเท่านั้น ยังตามไปหอมแก้ม กอดผู้เสียหายต่อหน้าสายตาคนที่อยู่บนโรงพัก

แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในเครื่องแบบตำรวจ หญิงสาวผู้เสียหาย ยอมรับไม่ได้ เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อช่วยกันลงประจานการกระทำที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ประจำห้องขังโรงพัก

กลายเป็นเรื่องราวขึ้นมา

วันที่เกิดเหตุหญิงสาวชาวชัยภูมิเกิดเหตุขับรถเฉี่ยวชนกับคู่กรณี ถูกนำตัวส่งร้อยเวร สภ.เมืองพัทยา แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เอามาจับเป่าหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายให้เข้าเรื่อง “เมาแล้วขับ”

เป่าครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ตำรวจไม่ยอมเลิก สั่งให้เป่าอีกเป็นครั้งที่ 3 แล้วตำรวจบอกว่า ผู้หญิงรายนี้ มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นำตัวเข้าห้องขัง

แต่ระหว่างที่อยู่ในห้องขัง มีนายดาบตำรวจมาเจรจาเรียกรับเงิน 20,000 บาท เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี ผู้เสียหายอยู่ใน “ภาวะจำยอม” ไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจ เลยให้บัตรเอทีเอ็มตำรวจไปกดเงินมาจ่าย

พอได้เงินมาส่งมอบให้ดาบตำรวจอีกคนที่ทำหน้าที่เป็นสิบเวรคุมห้องขังรับเงินไป พอได้รับเงินตำรวจได้ช่วยไขกุญแจปล่อยตัวผู้เสียหายออกมา

ไม่ได้มีการพูดถึงข้อหาที่แจ้งกันไว้

ในระหว่างปล่อยตัวออกมา นายดาบตำรวจที่คุมอยู่หน้าห้องขังได้เข้ามาหอมแก้ม กอด ลวนลามหญิงสาวต่อหน้าประชาชนที่อยู่ภายในโรงพัก ทำให้ผู้เสียหายอับอาย

...

ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมตำรวจ นอกจากจะถูกตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เรียกรับเงินแลกกับการปล่อยตัวไม่ดำเนินคดีแล้ว ยังมาทำอนาจารอีก จน สุดท้ายไม่มีทางเลือก ร้องเรียน ไม่อยากให้ไปทำกับเหยื่อคนอื่นอีก

ล่าสุด ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ตรวจสอบแล้วพบว่า มีมูลความจริง มีหลักฐานให้นายดาบตำรวจที่คุมห้องขังออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนอีก 3 คนที่เกี่ยวข้อง ทั้งคนเรียกรับเงิน คนไปกดเงิน และสารวัตรสอบสวนเวรให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หากตำรวจที่ทำผิดไม่เอาไว้ ลงโทษเด็ดขาด

เป็นประเด็นสำคัญ ขนาดห้องขังที่สถานีตำรวจยังไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงสาว

แล้วแบบนี้ชาวบ้านจะไปพึ่งพาใครได้.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th