ตร.รวบหนุ่มไต้หวัน วัย 36 ปี หลังพบพิรุธ ใช้พาสปอร์ตปลอมของประเทศกัวเตมาลา หลบหนีเข้าไทยทางด่านปะดังเบซาร์ ประสานสถานทูตไต้หวัน พบมีหมายจับคดียาเสพติดและอาวุธปืน
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 59 พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบก.ตม.2 พ.ต.ท.หญิงอภิรดี ปราสาททรัพย์ รอง ผกก.สส.ปป. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2 (ชป.2) กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นาย ยู เชง ยู (Mr. YU CHENG YU) อายุ 36 ปี ชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดียาเสพติด และครอบครองอาวุธปืน ของประเทศไต้หวัน ณ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า เมื่อเวลา 00.30 น. ของวันนี้ (24 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ ชป.2 ออกปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของ ผบช.สตม.ในการปราบปรามคนร้ายข้ามชาติอย่างเข้มงวด ภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามปกติ เมื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์เช็กอิน ของสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เที่ยวบิน CI65 พบผู้โดยสารเป็นชายชาวต่างชาติ มีลักษณะพิรุธ เนื่องจากเป็นคนจีน แต่ถือหนังสือเดินทางกัวเตมาลา มาเช็กอินเพื่อออกบัตรโดยสาร เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้แสดงหนังสือเดินทางของกัวเตมาลา ระบุชื่อ นาย ยูเพน เชงยู (Mr.YU PEN CHENG YU) และหนังสือเดินทางไต้หวัน ระบุชื่อ นายยู เชง ยู (Mr.YU CHENG YU) ซึ่งเมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางของกัวเตมาลา พบว่าเดินทางเข้าไทย ผ่านทางด่านปะดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ ICE Team พบพิรุธในหน้าข้อมูลบุคคลของหนังสือเดินทางกัวเตมาลา ซึ่งมีลายเส้นพื้นหลังเลือนลาง ไม่คมชัด เมื่อนำไปตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจสอบหนังสือเดินทางของ ตม.2 และใช้แว่นขยายส่อง ก็พบว่ามีการพิมพ์ข้อมูลแบบการพ่นหมึกอิงก์เจ็ต และมีร่องรอยแก้ไขข้อมูลในหน้าหนังสือเดินทาง ส่วนหนังสือเดินทางไต้หวันไม่พบสิ่งผิดปกติ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาใช้หรือมีไว้ใช้ เพื่อใช้หนังสือเดินทางปลอม
...
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การอ้างว่าเป็นคนไต้หวัน แต่ที่ต้องใช้หนังสือเดินทางของกัวเตมาลา เข้า-ออกประเทศ เพราะติดต่อทำธุรกิจไม้ยางพารา ระหว่างมาเลเซีย-ไทย-กัวเตมาลา เป็นประจำ จึงใช้หนังสือเดินทางดังกล่าวเพื่อความสะดวก ซึ่งก่อนถูกจับกุมเตรียมเดินทางไปยังเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อต่อไปยังกัวเตมาลา แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อในคำให้การ จึงประสานไปยังสถานทูตไต้หวันเพื่อตรวจสอบประวัติ ก็พบว่าผู้ต้องหารายนี้ มีหมายจับในคดียาเสพติดและครอบครองอาวุธปืน ของไต้หวันเมื่อปี 2013 และเป็นบุคคลที่ทางไต้หวันต้องการตัว จึงเชื่อว่าที่ใช้หนังสือเดินทางปลอม ของกัวเตมาลา ก็เพื่อหลีกหนีหมายจับดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่ง สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดี ในข้อหาใช้หรือมีไว้ใช้ เพื่อใช้หนังสือเดินทางปลอม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทั้งนี้จะต้องดำเนินคดีให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะส่งมอบให้ทางการไต้หวัน และผลักดันออกนอกประเทศอีกครั้ง