ผู้ปกครองเฝ้าตามข่าว บัสนักเรียนไฟไหม้ที่โรงเรียน บอกยังติดต่อลูกหลาน หรือครูไม่ได้ ขณะที่เพื่อนนักเรียนเศร้า รู้ข่าวบัสไฟไหม้ บอกไม่ได้ไปด้วยเพราะเมารถ
วันที่ 1 ต.ค.67 จากกรณีรถบัสทัศนศึกษานักเรียน ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งพานักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา รวม 3 คัน ไปทัศนศึกษาตามสถานที่ต่างๆ ก่อนรถคันที่ 2 เกิดเพลิงลุกไหม้ ขณะวิ่งมาตามถนนพหลโยธิน ขาเข้า บริเวณหน้าเซียร์รังสิต จ.ปทุมธานี จนมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม พบ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เดินทางลงพื้นที่มาประชุมหารืออย่างเร่งด่วน ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุทัยธานี เขต 2 และคณะครูที่ไม่ได้เดินทางไปด้วย
เบื้องต้นได้มีการสั่งการให้ตั้งศูนย์อำนวยการแจ้งประสานข้อมูลข่าวสาร และสถานพยาบาลขึ้นที่โรงเรียน พร้อมศูนย์ให้การช่วยเหลือผู้ปกครองในการนำศพกลับภูมิลำเนา ซึ่งบรรยากาศภายในโรงเรียนตอนนี้มี พ่อ แม่ ผู้ปกครอง เดินทางกันมารอฟังข่าวของบุตรหลานตัวเอง บางรายร้องไห้จนเป็นลม และพยายามจะติดต่อสอบถามไปยังคณะครูที่เดินทางไปด้วย แต่ยังไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า บุตรหลานของตัวเองปลอดภัยหรือไม่
ทั้งนี้ ในตอนแรกได้มีการจัดรถตู้ ให้ผู้ปกครองเดินทางไปที่เกิดเหตุ แต่สุดท้ายมีการยกเลิกการเดินทาง และให้ผู้ปกครองรอฟังข่าวที่โรงเรียนแทน
...
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เผยว่า ตอนนี้กำลังเร่งรวบรวมรายชื่อ ทั้งเด็กนักเรียนและครู ที่เดินทางไปทั้งหมดว่า มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตบ้าง แต่ยังสรุปไม่ได้เพราะต้องเช็กให้ชัวร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง โดยตอนนี้ได้ตั้งศูนย์ประสานงาน และศูนย์พยาบาลไว้ที่โรงเรียนก่อน โดยนักเรียนที่ปลอดภัยจะเดินทางกลับมาที่โรงเรียนภายในวันนี้ ส่วนนักเรียนที่บาดเจ็บต้องรอดูว่า สามารถส่งตัวกลับมารักษาที่จังหวัดต่อได้เลยหรือไม่ ส่วนคนที่เสียชีวิตนั้น เบื้องต้นจะมีการนำร่างไปพิสูจน์ที่โรงพยาบาลตำรวจก่อน
นางกำไร จำนงค์สังข์ อายุ 51 ปี ยายของน้องชั้น ป.1 เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ตนเดินทางมาส่งหลานที่โรงเรียนด้วยตัวเอง เมื่อตอนตี 5 เพื่อให้หลานไปเที่ยวทัศนศึกษากับเพื่อนๆ ไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าหลานเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง เพราะติดต่อไม่ได้เลย
ด้าน นางนงนุช ขำกระแส อายุ 50 ปี อาของนักเรียนชั้น ป.3 ซึ่งอยู่ในคันที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้เดินทางมาพร้อมครอบครัวเพื่อรอฟังความคืบหน้าว่าบุตรหลานของตนเองเป็นอย่างไรบ้างด้วยเช่นกัน เพราะตอนนี้ยังติดต่อหลานไม่ได้ พร้อมกับพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปหาครูที่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่มีครูรายใดแจ้งได้เลยว่า ตอนนี้หลานของตนเองปลอดภัยดีหรือไม่
พร้อมกันนี้ ยังพบว่ามี 2 หนูน้อยชั้น ป.3 และชั้น ป.6 จำนวน 2 คนที่ไม่ได้เดินทางไปทัศนศึกษากับเพื่อนๆในครั้งนี้ โดย หนูน้อยชั้น ป.3 บอกว่าที่ไม่ได้ไปกับเพื่อนๆ เพราะว่าแม่ไม่อนุญาต ส่วนเด็กชั้น ป.6 บอกว่า ที่ไม่ได้ไปเพราะตัวเองชอบเมารถ ซึ่งทั้ง 2 คนบอกว่า หลังทราบข่าวก็รู้สึกเศร้าใจและเป็นห่วงเพื่อนมากๆ อยากบอกเพื่อนๆว่ารักเพื่อนมาก และขอให้เพื่อนปลอดภัย