"ปลัด ก.อุตสาหกรรม" ยัน ตรวจสอบ โครงการสร้างสนามทดสอบความเร็ว จ.ฉะเชิงเทรา ถึง 2 รอบ เพื่อความโปร่งใส หลังล่าช้าเกิน 90 วัน จับตา สมอ.จ่อประกาศรายชื่อผู้รับคัดเลือกที่ 844 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุด เร็วๆ นี้

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ล่าสุด ตนได้ลงนามคำสั่งเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าวและส่งเรื่องกลับไปยัง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ไปแล้ว ตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีโครงการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 ที่ถือเป็นเฟส 2 ของโครงการใหญ่นั้น ยืนยันว่าเราเดินหน้าโครงการต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่ สมอ.ตรวจสอบความถูกต้องเพื่อให้เกิดความรอบคอบ

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่า เหตุที่โครงการดังกล่าวเกิดความล่าช้าเกิน 90 วัน ตามกำหนดนั้นเป็นเพราะ สมอ.มีขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้รับเลือก และด้านเอกสารถึง 2 รอบ ยืนยันว่าเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกโครงการก่อสร้างได้เสนองบประมาณกว่า 844 ล้านบาท ซึ่งต่ำสุดและใกล้เคียงกับราคากลางที่ตั้งไว้ โดย สมอ.เตรียมประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเร็วๆ นี้

...

ทั้งนี้มีรายงานข่าวถึงการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับขั้นตอนกระบวนการคัดเลือกบริษัทผู้ยื่นข้อเสนอในโครงการนี้ พบว่ามีการส่งเอกสารจากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปถึง รักษาการเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อถามถึงรายละเอียด คุณสมบัติของบริษัทผู้ที่ได้รับคัดเลือกไปมาถึง 2 ครั้ง จนทำให้โครงการดังกล่าวยังไม่สามารถประกาศรายชื่อบริษัทผู้ได้รับคัดเลือกตามระบบจัดซื้อจัดจ้างฯ หรืออีบิดดิ้ง และล่าช้าเกินกำหนด 90 วัน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงคุณสมบัติว่าบริษัทผู้ได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าเดิม หรือเจ้าใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ จึงต้องจับตาว่าผลการประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับคัดเลือกในโครงการดังกล่าวจะออกมาเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตามหาก สมอ.มีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ชนะการประกวดราคาฯ โครงการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะฯ ก็จะสามารถเดินหน้าก่อสร้างได้ทันที เพื่อให้โครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ในแต่ละเฟส รวมถึง โครงการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะฯ แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่วางไว้ จะสามารถเปิดใช้บริการได้อีก 2 ปี คือในปี 2569 นี้.