ชาวอำเภอบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 150 คน ยื่นหนังสือขอให้ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลราง สายกรุงเทพอภิวัฒน์–สุราษฎร์ธานี และสายสุราษฎร์ธานี-สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ จอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟบางสะพานน้อย หวังดึงนักท่องเที่ยว เพิ่มมูลค่าภาคเกษตร

 

เวลา 09.30 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่สถานีรถไฟบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านประมาณ 150 คน นำโดย นายเสน่ห์ หินศรี ข้าราชการบำนาญและตัวแทนภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้เดินทางมายื่นหนังสือ เรื่องขอให้ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลราง สายกรุงเทพอภิวัฒน์–สุราษฎร์ธานี และสายสุราษฎร์ธานี-สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ จอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟบางสะพานน้อย ถึงผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีนายประมวล พงษ์ถาวราเดช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เขต 3 เดินทางมารับหนังสือ โดยมีนายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพานน้อย และกำลังฝ่ายปกครองกว่า 15 นาย เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย

โดยนายเสน่ห์ หินศรี กล่าวว่า ปัจจุบันอำเภอบางสะพานน้อยมีประชากรรวมทั้งสิ้น 41,771 คน อดีตที่ผ่านมาประชากรส่วนใหญ่ใช้และผูกพันกับการเดินทางโดยสารรถไฟตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะมีความปลอดภัย ประหยัด และปัจจุบันภาพรวมมูลค่าทางเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรม 2,500 ล้านบาทต่อปี และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวมากกว่า 120,000 คนต่อปี เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่น เกาะทะลุ เกาะสิงห์ เกาะสังข์ อันเป็นพื้นที่ดูปะการังที่มีความสมบูรณ์สุด มีชายหาดที่สะอาดและสวยงามยาว 45 กิโลเมตร เทศกาลดูนกเหยี่ยว เป็นต้น

"เมื่อรัฐบาลมีนโยบายและดำเนินการโครงการรถไฟรางคู่ ซึ่งชาวอำเภอบางสะพานน้อยรู้สึกดีใจว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้ในการร่วมพัฒนาเมือง วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ตลอดจนที่สำคัญคือการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ โดยเดินทางโดยรถไฟ มาเป็นปัจจัยหลักของการพัฒนา" นายเสน่ห์ กล่าว

...

นายอารวุฒิ ว่องไวรุด ชาว อ.บางสะพานน้อย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการใช้บริการรถไฟ โดยเฉพาะ 2 ขบวนดังกล่าวนั้นคนบางสะพานน้อยที่ใช้บริการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มครั้งละประมาณ 300 บาท เพราะต้องไปลงรถไฟที่อำเภอบางสะพาน จากนั้นต้องให้ญาติ หรือไม่ก็ต้องจ้างรถยนต์ไปรับที่สถานีรถไฟบางสะพานใหญ่ หากการรถไฟให้ขบวนรถไฟที่เป็นรถด่วนพิเศษจอดที่สถานีบางสะพานน้อยน่าจะสร้างความสะดวกและลดรายจ่ายให้กับชาวอำเภอบางสะพานน้อย

ด้านนายประมวล พงษ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังรับหนังสือจากชาวบ้าน จะนำหนังสือไปยื่นต่อผู้ว่าการรถไฟ เพื่อพิจารณาตามที่ชาวบ้านร้องขอ ซึ่งตนมีความกังวลใจว่าหากขบวนรถไฟทั้ง 2 ขบวนนี้จอดแล้วไม่มีผู้ใช้บริการก็จะเสียโอกาส