ตำรวจไซเบอร์รวบสาวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า 2 ราย รายแรกคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแจ้งมีพัสดุผิดกฎหมาย หลอกล่อขอตรวจสอบบัญชีให้โอนเงินเข้าบัญชีม้าของสาวนครสวรรค์ สูญเงินไปกว่า 5 หมื่นบาท อีกราย อ้างเป็นสรรพากรหลอกเหยื่อกดลิงก์ดูดเงินเกลี้ยงบัญชีกว่า 1.7 แสนบาท ตามรวบสาวบัญชีม้าที่ จ.นนทบุรี ทั้งคู่ให้การรับสารภาพ
ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า 2 ราย เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 ต.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต. สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือ พิเศษ บก.สอท.3 พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก. และ พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์ รอง ผกก. วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังจับกุม น.ส.พิไลภรณ์ พระโรจน์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 637/122 หมู่ 1 ต.หนองปลิง อ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.366/2566 ลงวันที่ 30 ส.ค. 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมด หรือ บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” รวบตัวที่ย่าน อ่อนนุช แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม.
คดีนี้ผู้เสียหายร้องทุกข์ว่า ถูกคนร้ายอ้างมีพัสดุระบุชื่อผู้เสียหายภายในเป็นยาเสพติด อาสาแจ้งความให้ หลอกให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อ “สภ.เชียงราย” ส่งภาพบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจให้ดู เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ จากนั้นส่งลิงก์ให้ผู้เสียหายกด เมื่อกดเข้าไปดูพบว่าคล้ายกับเพจของศาลกรุงเทพใต้ และส่งเพิ่มให้อีก 1 ลิงก์ เมื่อกดเข้าไปดูพบว่าคล้ายกับเพจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จากนั้นส่งข้อมูลการเดินบัญชีอ้างว่าเป็นสมุดบัญชีเงินฝากที่ผู้เสียหายเปิดไว้ แจ้งว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้วจำนวนมาก มิจฉาชีพกล่าวหาว่า ผู้เสียหายมีการกระทำเข้าข่ายการฟอกเงิน ต่อมา มิจฉาชีพขอ ตรวจสอบเงินที่มีอยู่ในบัญชีของผู้เสียหายให้โอนเงิน ที่มีอยู่ในบัญชีทั้งหมดจำนวน 52,200 บาท ไปยังบัญชี ของมิจฉาชีพแล้วติดต่อไม่ได้อีกเลย กระทั่งรู้ว่าถูกหลอกรีบเข้าแจ้งความ
...
ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวนตรวจพบว่า มีเส้นทางการโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.พิไลภรณ์ พระโรจน์ เป็นผู้ร่วมในขบวนการหลอกลวง ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า ดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3
อีกราย พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมกำลังจับกุม น.ส.ธัญญากร ศรีคชา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/6 หมู่ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ที่ จ.160/2566 ลงวันที่ 8 ส.ค.2566 ในความผิดร่วมกันลักทรัพย์ โดยลวงเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม และร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน รวบตัวที่ริมถนนตรงข้ามซอยแก้วอินทร์ 25 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 ม.ค.66 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากหญิงปริศนา อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร จังหวัดนนทบุรี สอบถามข้อมูล เกี่ยวกับโครงการร้านค้าคนละครึ่งของผู้เสียหาย ออกอุบายว่า ผู้เสียหายได้ส่วนลดในการชำระภาษีให้ผู้เสียหายแอดไลน์ของกรมสรรพากรปลอม พร้อมกับโอนสายไปให้ชายอีกคนชี้แจงรายละเอียด ระหว่างคุยสายให้ผู้เสียหายกดลิงก์ พร้อมกรอกข้อมูลต่างๆ ตามขั้นตอนที่แจ้งจนเสร็จสิ้น รวมเวลาราว 30 นาที หลังจากวางสายผู้เสียหายพบว่า เงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไปเกลี้ยงบัญชีเป็นเงินจำนวน 171,112 บาท รู้ตัวว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้กดลิงก์ดูดเงินเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน
แนวทางการสืบสวนตำรวจชุดปฏิบัติการ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ทราบว่า น.ส.ธัญญากร เป็นผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในย่าน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี วางแผนติดตามจับกุมบริเวณริมถนนตรงข้ามซอยแก้วอินทร์ 25 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ให้การยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่