ตำรวจไซเบอร์รวบสาวบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกตุ๋นเงินนักข่าวหนุ่มทีวีช่องดังสูญเงินกว่า 3 แสนบาทภายในวันเดียว แฉแผนล่อลวงเหยื่อส่ง SMS แจ้งว่าได้เครื่องปรับอากาศฟรี พร้อมแนบลิงก์เว็บไซต์เพิ่มความน่าเชื่อจนเหยื่อหลงกลติดต่อผ่านไลน์ เสนอเงื่อนไขให้ทำ 20 ภารกิจ ต้องโอนเงินก่อนเพื่อให้ได้ผลตอบแทน ทบเงินเข้าไปเรื่อยๆจนเสร็จภารกิจสุดท้ายยังไม่ได้เงินคืน อ้างต้องจ่ายภาษีอีก 2 แสนบาท ถึงรู้ตัวว่าถูกหลอก หอบหลักฐานโร่แจ้งความ  ผู้ต้องหาอ้างขายบัญชีธนาคารให้คนอื่นผ่านทางเฟซบุ๊กราคา 500 บาท ไม่รู้เป็นมิจฉาชีพเอาไปทำผิดกฎหมาย

นักข่าวก็ไม่รอด ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเงินกว่า 3 แสนบาท เปิดเผยเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.พรทิภา อุสารัมย์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 12 ต.สวายจีก อ.เมืองบุรีรัมย์ ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1791/2566 วันที่ 12 มิ.ย.66 ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย.65 มีผู้สื่อข่าวหนุ่มอายุ 45 ปี ของทีวีช่องดังช่องหนึ่ง เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชญานนท์ มาศศรี รอง สว. (สอบสวน) กก.2 บก.สอท.1 ว่ามีขบวนการหลอกลวงส่งข้อความ SMS มายังโทรศัพท์มือถือว่าได้รับสิทธิ์เครื่องปรับ อากาศฟรี 1 เครื่อง พร้อมแนบลิงก์เว็บไซต์มาที่โทรศัพท์ หลงเชื่อกดเข้าไปดูพบว่าเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด ดูน่าเชื่อถือ จากนั้นแอดไลน์ของคนร้ายและได้พูดคุยกัน อีกฝ่ายแจ้งรายละเอียดว่าจะต้องทำภารกิจให้ครบ 20 ภารกิจตามเงื่อนไขจึงจะได้รับเครื่องปรับอากาศ

...

ผู้เสียหายหลงเชื่อทำตามที่คนร้ายบอก ในการจะผ่านแต่ละภารกิจจะต้องโอนเงินก่อนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทน และเมื่อทำตามจนครบ 20 ภารกิจคนร้ายออกอุบายให้ทำภารกิจที่วงเงินสูงขึ้น ผู้เสียหายยังคงทำตามที่คนร้ายบอกอย่างไม่ฉงนใจจนเสร็จสิ้นภารกิจ ต่อมาจะถอนเงิน คนร้ายแจ้งว่าจะต้องจ่ายค่าภาษีเป็นจำนวนเงินประมาณ 200,000 บาท จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกและไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายได้โอนเงินในการลงทุนทำภารกิจทั้งหมด 5 ครั้งรวมเป็นเงินกว่า 340,000 บาท สูญเงินก้อนใหญ่เพียงในวันเดียว ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

ต่อมาชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.สอท.1 แกะรอยเส้นทางการเงินของผู้เสียหายที่ทำรายการโอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายที่เกี่ยวข้อง 3 บัญชี ตำรวจออกหมายจับไปแล้วทั้ง 3 ราย มี น.ส.พรทิภา เป็นหนึ่งในขบวนการหลอกลวงผู้สื่อข่าวหนุ่มรายนี้ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า ประสานให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 มิ.ย. นอกจากนี้จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของ น.ส.พรทิภา หลังจากวันที่ผู้เสียหายโอนเงินระหว่างวันที่ 15-17 ก.ย.65 เพียงแค่ 3 วัน พบมียอดเงินโอนเข้ามาในบัญชีกว่า 2 ล้านบาท ก่อนจะมีการโอนออกไปยังบัญชีอื่น เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีการเคลื่อนไหวก่อเหตุกับเหยื่อรายอื่นอย่างต่อเนื่อง ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลย้อนหลังว่ามีความเชื่อมโยงกับบัญชีใดบ้าง ก่อนถูกอายัดบัญชี

จากการสอบสวน น.ส.พรทิภา ผู้ต้องหาให้การว่า เมื่อปี 2565 ได้ขายบัญชีธนาคารให้กับบุคคลไม่ทราบชื่อที่ติดต่อซื้อขายกันทางเฟซบุ๊กในราคา 500 บาท คิดไม่ถึงว่าบัญชีธนาคารของตนจะถูกคนร้ายนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย เบื้องต้นในชั้นจับกุม น.ส.พรทิภา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมเร่งสืบสวนหาเบาะแสติดตามผู้ร่วมขบวนการในส่วนที่เหลือ

ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช. สอท. กล่าวว่า ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ากลุ่มมิจฉาชีพพยายามหาวิธีการและรูปแบบใหม่ๆมาใช้ในการหลอกเหยื่อให้หลงเชื่อหรือคล้อยตาม เพื่อให้หลงกลยอมโอนเงิน ฝากเตือนไปยังประชาชนหรือผู้ที่ใช้สื่อโซเชียลต่างๆ หากมีบุคคลภายนอกที่ไม่รู้จักติดต่อมาหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ควรตระหนักและไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนจะดำเนินการใดๆเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ