หนุ่มเมืองกาญจน์ที่มีรูปอยู่ในบัตรประชาชน คนเดียวถึง 7 ใบแต่คนละชื่อโร่ให้ปากคำตำรวจ เผยต้นตอเกิดจากตอนส่งรูปหน้าบัตรไปขอกู้เงินแอปเงินกู้นอกระบบก่อนถูกนำไปใช้ปลอมแปลงบัตรเปิดบัญชีม้าทำธุรกรรมหลอกผู้เสียหาย กระทั่งถูกแจ้งจับคดีฉ้อโกงหลายโรงพัก โดนตำรวจออกหมายเรียกมาแล้วถึง 12 หมายจนต้องเข้าแจ้งความแสดงความบริสุทธิ์ใจมาตั้งแต่ก.ย.65 ด้านอธิบดีกรมการปกครองแจงกรณีโซเชียลวิตกถูกนำไปใช้ทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะถึงนี้ ยันบัตรปลอมนำไปใช้ลงคะแนนไม่ได้

จากกรณีโลกโซเชียลแชร์ภาพชายชาว ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี มีบัตรประจำตัวประชาชนคนเดียวถึง 7 ใบ แต่ละใบมีชื่อแตกต่างกัน ทำให้มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงขบวนการปลอมแปลงบัตรประชาชน เนื่องจากช่วงนี้ใกล้จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.อาจมีการนำไปใช้ทุจริตในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึงนี้ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

ต่อมาวันที่ 9 มี.ค. นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบบัตรประชาชนทั้ง 7 ใบเป็นบัตรปลอมทั้งหมด จากการเข้าไปดูในฐานข้อมูลไม่มีเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองกาญจนบุรี ทราบว่าคนที่นำบัตรไปหลอกลวงอยู่ภาคเหนือ อาจเกี่ยวข้องแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัตรตัวจริงทั้งชื่อ อายุ ที่อยู่เลขบัตรประชาชนตรงกัน แต่ในบัตรที่ปลอมขึ้นมาเปลี่ยนรหัสเลข 13 หลักสลับกันไปมา รวมทั้งชื่อนามสกุลในบัตรทั้ง 7 ใบก็ไม่เหมือนกัน

นายอำเภอเมืองกาญจนบุรีกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า บุคคลดังกล่าวมีบ้านอยู่ในเทศบาลตำบลลาดหญ้า แต่มาทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ล่าสุดเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากบัตรหมดอายุ รูปในบัตรเป็นรูปหน้าเจ้าของบัตรในปัจจุบัน ในกรณีนี้ถือว่าอำเภอเมืองกาญจนบุรีไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะเจ้าของบัตรไม่ได้มาทำที่อำเภอ แต่ไปทำที่อื่นซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ทุกสำนักทะเบียนทั่วประเทศ หากใครนำบัตรคนอื่นไปใช้ในทางที่เสียหาย เจ้าของบัตรจะเป็นผู้เสียหายโดยตรง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบว่าใครเป็นคนปลอมแปลงเอกสารบัตรประชาชนจำนวนดังกล่าว

...

ด้านนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า กรมการปกครองในฐานะสำนักทะเบียนกลางมอบหมายให้สำนักบริหารการทะเบียนตรวจสอบฐานข้อมูลสำนักทะเบียนกลางทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชนแล้วพบว่า บุคคลนี้ตามหลักฐาน ทางทะเบียนและข้อมูลการขอมีบัตรชื่อนายภาคิน เป็นการใช้ชื่อบุคคลอื่นปลอมแปลงบัตรขึ้นมาเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อมูลในฐานข้อมูลระบบการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนของกรมการปกครอง อย่างไรก็ตาม กรมการปกครองจะมีหนังสือแจ้งจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นนายทะเบียนท้องที่ทำหนังสือแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพราะการปลอมแปลงรายละเอียดในบัตรประชาชนเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.265 โทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับ 10,000-100,000 บาท

ส่วนการปลอมแปลงบัตรประชาชนลักษณะนี้จะมีผลกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่นั้น อธิบดีกรมการปกครองกล่าวว่า บุคคลดังกล่าวจะไม่สามารถนำเอกสารที่ปลอมแปลงขึ้นมาไปใช้ในการเลือกตั้งได้ เนื่องจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรและบัตรประชาชนที่กรมการปกครองจัดส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจะไม่ปรากฏชื่ออื่นๆ นอกเหนือจากชื่อจริงของบุคคลนั้นๆ การแสดงตนเพื่อใช้สิทธิ เลือกตั้งจะตรวจสอบความถูกต้องตรงกันของรายการบัตรประจำตัวประชาชนกับรายการทะเบียนบ้าน หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือพบเบาะแสการกระทำผิดลักษณะนี้ในพื้นที่อื่นๆ สามารถแจ้งผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร.1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะกำกับงานด้านความมั่นคง กล่าวว่า สั่งการให้ ผบช.ภ.7 และ ผบช.ส.เร่งตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยด่วน ให้ประสานเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเร่งสืบสวนแหล่งที่มาขยายผลหาแหล่งผลิตโดยเร็ว กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นอันตรายต่อด้านความมั่งคง อาจนำไปใช้ในการเปิดบัญชีม้าเพื่อใช้ในทางโอนเงินผิดกฎหมายหลายรูปแบบ รวมถึงช่วงนี้วาระของรัฐบาลจะครบวาระ และจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ในเร็วๆนี้ อาจนำบัตรลักษณะดังกล่าวไปใช้แสดงในการเลือกตั้ง เบื้องต้นรับรายงานว่าเจ้าหน้าที่เชิญตัวบุคคลในเจ้าของบัตรตัวจริงมาสอบแล้ว

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน นายภาคิน สุขประพันธ์ เจ้าของบัตรประชาชนตัวจริง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อให้ปากคำกรณีมีการปลอมแปลงบัตรประชาชนของตัวเอง นายภาคินเปิดเผยว่า มาแสดงความบริสุทธิ์ใจถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย การปลอมแปลงเอกสารเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องนี้ตนเคยแจ้งความไว้แล้วตั้งแต่เดือน ก.ย.65 คิดว่าเรื่องน่าจะจบ แต่จู่ๆ เกิดเรื่องดังขึ้นมาอีก

“คาดว่าบัตรประชาชนน่าจะหลุดจากแอปกู้เงินนอกระบบแล้วมีคนเอาบัตรไปเปลี่ยนชื่อสวมเปิดบัญชีม้าเอาไปหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินทำธุรกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นผมโดนหมายเรียกตำรวจมาที่บ้านแล้วถึง 12 หมาย มีผู้เสียหายแจ้งความส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ซื้อรถ จยย. เท่าที่ดูบัตรเป็นรูปผม เลขที่บ้านตรงกัน แต่ชื่อไม่ใช่เลข 13 หลัก ช่วงแรกๆเป็นเลขบัตรผม แต่บัตรหลังๆไม่ใช่ ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” นายภาคินกล่าวและว่า อยากฝากเตือนไปยังประชาชนว่าช่วงนี้พวกมิจฉาชีพหลอกลวงเกิดขึ้นมากในโซเชียล เรื่อง บัตรประชาชนหรือเอกสารต่างๆต้องระมัดระวังให้มาก ไม่เช่นนั้นอาจโดนเหมือนกับตน

ด้าน พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ตร.ภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า หลังเกิดเรื่องตำรวจได้เรียกบุคคลที่มีใบหน้าเดียวกันอยู่ในบัตรประชาชนทั้ง 7 ใบมาสอบสวนทราบว่านายภาคิน เคยกู้เงินในเว็บเงินกู้นอกระบบมีการส่งหน้าบัตรประชาชนไปให้ หลังจากนั้นปรากฏว่าโดนหมายเรียกจากหลายโรงพักหลายพื้นที่ ทั้งกรุงเทพฯ ภาคใต้ให้มาให้การในคดีโกงเงิน หลอกโอนเงิน นายภาคินแจ้งว่าไม่เกี่ยวข้อง จากการตรวจสอบในแต่ละโรงพักไม่พบการเชื่อมโยงกับบัญชีของนายภาคิน รวมถึงตรวจสอบประวัติไม่พบหมายจับ

...

“ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นบ้านไม่พบบัตรประชาชนที่มีการปลอมแปลงทั้ง 7 ใบตามที่เป็นข่าว เบื้องต้นเชื่อว่าคำให้การของนายภาคินเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้แจ้งดำเนินคดี ส่วนจะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ต้องรอพิสูจน์อีกครั้ง ตอนนี้กำลังให้ชุดสืบสวนจังหวัดร่วมกับสืบสวนภาค 7 เร่งตรวจสอบรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในบัตรประชาชนทั้งหมดว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร” ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรีกล่าว