นายอภิชัย เอกวนากุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ร่วมกับคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชนท้องถิ่น และประชาชน จ.สมุทรสงคราม หลังได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบของ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 อาจเข้าข่ายที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ ซึ่งมีอัตราภาษีแพงกว่าพื้นที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม รวมทั้งปัญหาหลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีที่ดินป่าชายเลนกรรมสิทธิ์ โดย ทช.ได้เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับนิยามของคำว่า “พื้นที่สีเขียว” โดยเพิ่มให้เป็นประเภทที่ดินที่ไม่เข้าข่ายเป็นที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ ให้พื้นที่ป่าชายเลนของประชาชนดังกล่าว ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

นายอภิชัยกล่าวด้วยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีโครงการส่งเสริมปลูกป่าชายเลนในที่ดินเอกสารสิทธิ ท้องที่ จ.เพชรบุรี สมุทรสงคราม โดยจะสนับสนุนงบประมาณปลูกสวนป่าชายเลนในพื้นที่เอกสารสิทธิ ในอัตราไร่ละ 3,850 บาท และบำรุงแปลงปลูกปีที่ 2-3 ไร่ละ 420 บาท และได้ขอตั้งงบประมาณในจังหวัดชายฝั่งอื่นในปีต่อไป ซึ่งจะช่วยป้องกันรักษาพื้นที่ป่าชายเลนไม่ให้ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเนื่องจากอัตราภาษีที่ดิน อีกทั้ง ทช.ยังมีพันธุ์กล้าไม้ป่าชายเลนที่พร้อมแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ 24 จังหวัดชายฝั่ง ซึ่งสามารถนำไปปลูกในพื้นที่ของตน เพื่อประโยชน์ด้านภาษีที่ดิน ทั้งนี้ ทช.ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน 3 แสนไร่ ภายใน 10 ปี ภายใต้การดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต.

...