"มนัญญา" สางปัญหามะพร้าวราคาตกต่ำ พบเอกชนยอมเสียภาษีนำเข้านอกโควตา พ่วงนำเข้ากะทิสดจากต่างประเทศ เหตุมะพร้าวในประเทศราคาสูง เตรียมเสนอ คกก.พืชน้ำมันและน้ำมันพืช พิจารณาแนวทางนำเข้าใหม่
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 66 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการนำเข้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าวเข้ามาในราชอาณาจักร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข ผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting โดยกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ประชุมร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวและตัวแทนเครือข่ายชาวสวนมะพร้าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนราคามะพร้าวตกต่ำเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ที่ผ่านมาที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้น เกษตรกรได้ร้องเรียนราคามะพร้าวตกต่ำ โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5 บาทต่อผล จึงไม่ได้จ้างเก็บมะพร้าวเพราะไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ สศก. รายงานว่า ต้นทุนเฉลี่ยการผลิตมะพร้าวอยู่ที่ 7 บาทต่อผล ดังนั้น จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไข และพบว่า มีการนำเข้ามะพร้าวนอกโควตาจำนวน 130,000 ตัน โดยเอกชนยอมเสียภาษีนอกโควตา ร้อยละ 54 เพื่อเลี่ยงการปฏิบัติตามเงื่อนไขของการอนุญาตนำเข้าตามโควตา
...
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการนำเข้ากะทิสดจากต่างประเทศ ผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งทาง อย. จะตรวจตามอำนาจของกฎหมาย อย. คือเรื่องการปนเปื้อนความสะอาดและโรงงานที่ผลิตต้องได้มาตรฐานอาหาร แต่ไม่มีการจำกัดปริมาณนำเข้า ซึ่งพบว่าในกรณีนี้ ไม่ได้ถูกนำมาคำนวณเป็นปริมาณผลผลิตมะพร้าวตามความต้องการใช้ในประเทศ ที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช จะนำมาพิจารณากำหนดออกมาเป็นสัดส่วนโควตาให้นำเข้ามะพร้าวในแต่ละปี จึงมีผลให้กระทบกับราคาผลผลิตมะพร้าวในประเทศทางอ้อมอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังพบว่า กรณีถ้าเป็นโรงงานผลิตมะพร้าวที่ขอส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะยังได้สิทธิ์ในการขอคืนภาษีจากการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศอีกด้วย ดังนั้นน่าจะเป็นประเด็นที่ คกก.พืชน้ำมันฯ น่าจะต้องนำมาพิจารณาประกอบว่าจะมีแนวทางนำเข้ามะพร้าวรูปแบบอื่นแทนโควตาหรือไม่ เพื่อช่วยเหลือชาวสวนมะพร้าวขณะเดียวกันก็ไม่กระทบกับภาคธุรกิจ
"ได้มอบหมายให้นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ทำหนังสือตามข้อสังเกตนี้ ถึง สศก. นำเสนอต่อ คกก.พืชน้ำมันฯ ที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาและร่วมกันแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกกระทรวงที่มีการนำเข้าสินค้าเกษตร ทั้งแปรรูปและไม่แปรรูป ต้องมีการบูรณาการการทำงานและข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้ทราบได้ว่าสินค้าที่นำเข้าแต่ละชนิดจะกระทบกับเกษตรกรซึ่งเป็นปลายทางอย่างไร นอกจากนั้น กรณีมะพร้าวที่มีการนำเข้าทั้งในโควตาและนอกโควตานั้น ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเข้มงวดตรวจสอบ 100% ทุกตู้ และให้ อย.รวบรวมตัวเลขปริมาณน้ำกะทิที่ขออนุญาตนำเข้าต่อปี เพื่อเสนอต่อ คกก.พืชน้ำมันฯ พิจารณาโดยเร็ว เบื้องต้นมีสัญญาณที่ดี สศก.รายงานว่า ราคามะพร้าวขยับขึ้นไปอยู่ที่ 12 บาทต่อผล"นางสาวมนัญญา กล่าว
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมฯ จะเร่งทำหนังสือตามข้อสั่งการของ รมช.เกษตรฯ ถึง สศก. ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ทันนำเข้าที่ประชุม คกก.พืชน้ำมันฯ ที่อยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าว โดยในการประชุมกรมการค้าต่างประเทศรายงานว่า คกก.พืชน้ำมันฯ ได้อนุมัติให้นำเข้ามะพร้าวตามกรอบ WTO และ AFTA แบ่งเป็น 1. ตามกรอบ AFTA อนุมัติปริมาณ 64,615 ตันต่อปี โดยมีการนำเข้าจริงปริมาณ 5,348.44 ตัน และ 2. ตามกรอบ WTO อนุมัติปริมาณ 2,317 ตัน ปัจจุบันนำเข้าเต็มจำนวนแล้ว รวม 2 กรอบ ปริมาณ 7,000 กว่าตัน ซึ่งจะอนุญาตให้เอกชนนำเข้าในช่วงนอกฤดูการผลิตเท่านั้น ดังนั้นสาเหตุที่ราคามะพร้าวตกต่ำจึงไม่เกี่ยวข้องกับมะพร้าวที่นำเข้าตามโควตา แต่น่าจะมาจากการนำเข้านอกโควตา เนื่องจากกรมการค้าต่างประเทศรายงานว่า มียอดนำเข้ามะพร้าว ม.ค. - พ.ย. 65 รวม 130,000 ตัน ซึ่งเป็นการนำเข้านอกโควตา WTO ที่เสียภาษีร้อยละ 54
สำหรับอำนาจหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรจะเป็นการตรวจตาม พ.ร.บ.กักพืช ซึ่งได้สั่งการให้ตรวจอย่างเข้มงวด 100% ทุกตู้ โดยมีการนำเข้าสองด่าน คือด่านท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสองด่านที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้นำเข้า เนื่องจากมะพร้าวเป็นสินค้าควบคุม ทั้งนี้ สศก. รายงานว่า ปัจจุบันความต้องการใช้มะพร้าวในประเทศ มีปริมาณ 1.1 ล้านตัน ในประเทศผลิตได้ 8 - 9 แสนตัน จึงต้องมีการนำเข้าในส่วนต่าง 3 - 6 แสนตันต่อปี ภายใต้การพิจารณาของ คกก.พืชน้ำมันฯ.
...