ปิดฉากคดีล่าเสือดำป่าทุ่งใหญ่ฯที่ต่อสู้ยืดเยื้อถึง 3 ศาล ยาวนานกว่า 3 ปี “เจ้าสัวเปรมชัย” พร้อมพวกนอนคุกถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทองผาภูมิทันที หลังศาลฎีกาพิพากษา จำคุก “เปรมชัย” จำเลยที่ 1 รวม 2 ปี 14 เดือน “ยงค์ โดดเครือ” 2 ปี 17 เดือน และ “ธานี ทุมมาศ” 2 ปี 21 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทนายเผยเจ้าตัวน้อมรับคำตัดสินของศาล ปลัด ทส.จ่อนำซากเสือดำของกลางตั้งโชว์ในพิพิธภัณฑ์ หวังกระตุ้นจิตสำนึกอนุรักษ์สัตว์ป่า ด้าน “ศรีวราห์” โล่งอก ยอมรับช่วงทำคดีมีความกดดันเพราะพยานหลักฐานมีน้อย
ผ่านมากว่า 3 ปี สังคมเฝ้าจับตาว่ากระบวนการยุติธรรมจะคืนความเป็นธรรมให้กับ “เสือดำแห่งป่าทุ่งใหญ่” ได้หรือไม่ หลังถูกกลุ่มพรานไฮโซถือปืนไรเฟิลบุกเข้าไปล่าสังหารถึงถิ่นอาศัยเพื่อนำเนื้อมาปรุงอาหารกิน กรณีเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่า มหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก นำโดยนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน ขณะลักลอบตั้งแคมป์พักแรมบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯทิคอง กับหน่วยฯมหาราช เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 ยึดปืนยาว .22 ปืนไรเฟิลติดกล้องเล็ง ปืนลูกซองแฝด และกระสุนจำนวนมาก นอกจากนี้พบซากไก่ฟ้าหลังเทา เนื้อเก้ง และซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อและหนังแล้ว นำตัวทั้ง 4 คนส่งดำเนินคดี สภ.ทองผาภูมิ ผู้ต้องหาต่อสู้คดีถึง 3 ศาล และศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เวลา 09.00 น. วันที่ 8 ธ.ค.2564
...
คดีนี้เมื่อวันที่ 30 เม.ย.61 อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่นๆอีกหลายข้อหา ต่อมาวันที่ 19 มี.ค.62 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต จำคุก 16 เดือน นายยงค์ โดดเครือ จำคุก 13 เดือน นางนที เรียมแสน จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี และนายธานี ทุมมาศ จำคุก 2 ปี 17 เดือน ยกฟ้องจำเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย ศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน
ต่อมาวันที่ 24 พ.ค.62 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา จากนั้นวันที่ 12 ธ.ค.62 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคน ตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ จำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ โดดเครือ 2 ปี 17 เดือน จำคุกนางนที เรียมแสน 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษให้ตามศาลชั้นต้น และจำคุกนายธานี ทุมมาศ 2 ปี 21 เดือน หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 จึงมีคำสั่งไม่ฎีกา ต่อมาวันที่ 31 มี.ค.63 จำเลย 3 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย กรรณสูต นายยงค์ โดดเครือ และนายธานี ทุมมาศ ได้ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา และอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้แก้ฎีกาเรียบร้อยแล้ว
ความคืบหน้าที่หน้าศาลจังหวัดทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. กองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงมาปักหลักรายงานข่าวการตัดสินคดีสำคัญ ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อ.219/61 และคดีหมายเลขแดง ที่ 62/63 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลัง อส. และตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ มาดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้วางแนวปฏิบัติ 1.ให้ลงทะเบียน 2.วัดอุณหภูมิ 3.ก่อนเวลา 09.00 น. สื่อสามารถเก็บภาพบรรยากาศได้ และหลังจากจำเลยเข้าไปภายในบัลลังก์ ให้สื่อออกมารอนอกรั้วของศาลหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วเสร็จ ศาลจะสรุปผลของคำพิพากษาแจกให้สื่อมวลชนในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าเวลา 07.00 น. เศษ ทีมทนายของนายเปรมชัย กรรณสูต เดินทางมาถึงตลาดสดเทศบาลตำบลทองผาภูมิ เพื่อรับประทาน อาหารเช้า เวลา 08.30 น. นายยงค์ โดดเครือ จำเลย ที่ 2 นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 พร้อมนายวิทูล ยิ้มพราย และทีมทนายความของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 เดินทางมารอนายเปรมชัยที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ และปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จากการสังเกตนายยงค์และนายธานีไม่มีสีหน้าแววตาวิตกกังวลหรือเคร่งเครียดแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 09.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 67 ปี จำเลยที่ 1 เดินทางมาถึงศาลจังหวัดทองผาภูมิด้วยรถยนต์หรูยี่ห้อ เรนจ์ โรเวอร์ รุ่นอีโวค สีดำ ทะเบียน วข 3858 กรุงเทพมหานคร ที่ใบหน้าของนายเปรมชัยมีผ้าก๊อซพันแผลขนาดใหญ่ปิดไว้ที่ดวงตาและคิ้วซ้าย เมื่อลงจากรถได้สวมเสื้อสูทสีเทาคลุมทับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว และใช้ไม้เท้าพยุงเดินขึ้นไปบนศาลพร้อมกับจำเลยที่ 2 และ 4 ทันที เวลาไล่เลี่ยกันนายพนมฤทธิ์ หอมนิจสกุล อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานอัยการภาค 7 พร้อมด้วยนายกฤตศิลป ช่วยศรี อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 7 รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) เดินทางมาถึง ในครั้งนี้มีนายศุภฤกษ์ กลั่นประเสริฐ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก มาเป็นตัวแทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาด้วย ศาลจังหวัดทองผาภูมิใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาประมาณ 1 ชั่วโมง
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น และไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ แต่ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สรุปผลคำพิพากษาศาลฎีกา คือยกฟ้องเฉพาะข้อหาร่วมกันรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าฯ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ มาตรา 55 เพราะมีกฎหมายใหม่ออกมาให้ยกเลิกกฎหมายเก่า แต่อัตราโทษที่ศาลลงโทษจำคุกจำเลยนั้นยังคงเท่าเดิมตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษา คำพิพากษาคดีของศาลฎีกาในวันนี้ถึงที่สุดแล้ว และถือเป็นการปิดฉาก “คดีเสือดำแห่งป่าทุ่งใหญ่” ที่นายเปรมชัยกับพวกต่อสู้คดีมานานกว่า 3 ปี
นายกฤตศิลป ช่วยศรี อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 7 รักษาการอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เปิดเผยว่า ตามที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ได้ยื่นฎีกาใน 8 ประเด็น ศาลไม่รอการลงโทษ มีเพียงปรับแก้ตามบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่เท่านั้น ส่วนการชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยได้วางเงินชดใช้ค่าเสียหาย ตามคำพิพากษาของศาล คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว จำเลยต้องรับโทษตามคำพิพากษา และต้องปฏิบัติตามนั้น ขณะนี้ถูกควบคุมตัวตามกระบวนการทางศาลและราชทัณฑ์ ส่วนกรณีที่นายเปรมชัยมีอาการป่วยทางสายตา รวมทั้งโรคผิวหนัง และอาการป่วยด้วยโรคเบาหวาน เป็นเรื่องของทางราชทัณฑ์ที่จะปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างถูกจำคุก และเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องขัง เราไม่เข้าไปก้าวล่วงในส่วนนี้
...
“เรื่องการควบคุมตัวจำเลยเข้าเรือนจำจะเป็นไปตามมาตรการของทางเรือนจำ ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR และกักตัวตามมาตรการ ส่วนสิทธิ์ของผู้ต้องขังหากมีอาการเจ็บป่วย อาจจะใช้สิทธิ์ในการขอเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ ส่วนจะเป็นโรงพยาบาลใด เป็นสิทธิ์ที่นายเปรมชัยจะมอบหมายให้ทนายความดำเนินการได้ การพิจารณาต้องแล้วแต่ทางเรือนจำที่จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง วันนี้ถือเป็นการปิดฉากคดีเสือดำโดยสมบูรณ์แบบ ทางอัยการได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบแล้วเช่นกัน ผลก็ออกมาปรากฏตามคำพิพากษา” นายกฤตศิลปกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำรถเรือนจำ 2 คัน มาจอดรอด้านหลังศาล มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนำอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 มารออยู่บริเวณเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำผ้าใบมาปิดกั้นไว้ไม่ให้มองเห็นด้านในได้ชัดเจน แต่ยังมีช่องว่างพอจะมองเห็นได้บ้างพบว่านายยงค์ โดดเครือ และนายธานี ทุมมาศ หลังออกมาจากศาลได้เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ส่วนนายเปรมชัย ออกมาตรวจเป็นคนสุดท้าย สาเหตุที่ทำให้ล่าช้าเพราะต้องปลดกำไลอีเอ็มที่ติดข้อเท้าของจำเลยทั้ง 3 คนออกก่อน ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง จากนั้นนายเปรมชัยพร้อมพวก ถูกคุมตัวขึ้นรถเดินทางไปเรือนจำทองผาภูมิทันที ขณะที่ทีมทนายความและผู้ติดตามนายเปรมชัย ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด 1 ในทีมทนายกล่าวสั้นๆว่า นายเปรมชัยน้อมรับคำตัดสินของศาล จากนั้นขอตัวเดินทางไปเรือนจำทองผาภูมิ
...
วันเดียวกัน สํานักงานศาลยุติธรรม ออกเอกสารข่าว coj. เผยแพร่ผลคำพิพากษาคดีเสือดำที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีรายละเอียดดังนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต เป็นจำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ เป็นจำเลยที่ 2 นางนที เรียมเสน เป็นจำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ เป็นจำเลยที่ 4 คดีนี้จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ถึง 4 ฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติจำคุกคนละ 1 ปี ปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท และฐานมีไว้ซึ่งซากเสือดำ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 10,000 บาท ฐานมีซากไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง คนละ 2 เดือน ปรับคนละ 10,000 บาท และฐานล่าเสือดำ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าในเขตคุ้มครองรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี
เมื่อรวมโทษจำคุก 3 เดือนของจำเลยที่ 2 และ 4 ในฐานความผิดมีอาวุธปืนของผู้อื่นและมีเครื่องกระสุนกับโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปโดยไม่ได้รับอนุญาตมีเครื่องกระสุนโดยไม่รับอนุญาต กับโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่ทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต และโทษจำคุก 4 เดือนของจำเลยที่ 4 ฐานพยายามฆ่ากระรอก ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์แล้วนั้น แก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึง 4 ชั้นความผิดร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นที่เสื่อมสภาพของป่าสงวน จึงให้ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวน และยกฟ้องความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 มาตรา 55 แล้วนั้น
ดังนั้น คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 17 เดือน จำเลยที่ 3 จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และจำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 2 ปี 21 เดือน
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (อ่างเก็บน้ำห้วยตาเปอะ) ต.บ้านค้อ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เพื่อขอพบนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (อ่างเก็บน้ำห้วยตาเปอะ) อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเป็นหัวหน้าชุดจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวก เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงไม่พบตัวนายวิเชียร เจ้าหน้าที่แจ้งว่านายวิเชียรได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกเดินสำรวจพื้นป่าตั้งช่วงเวลา 13.00 น. และตอนนี้ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า จากการสังเกตหลังจากที่ทราบข่าวเรื่องการตัดสินคดีของนายเปรมชัยพร้อมพวก หัวหน้ามีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีวิตกกังวลแต่อย่างใด
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เผยว่า ขณะนี้หนังเสือดำและซากชิ้นส่วนเสือดำ เก็บรักษาไว้ที่ห้องเก็บของกลาง กรมอุทยานฯ มีการรักษาความปลอดภัย อย่างดี เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดี ขณะนี้คดีสิ้นสุดแล้ว จะหารือกับ รมว.ทส. นำหนังและซากชิ้นส่วนเสือดำของกลางไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ที่จะทำขึ้นมาในอุทยานฯหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อาจเป็นในพื้นที่เกิดเหตุหรือในป่าตะวันตกก็ได้ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ว่าการล่าสัตว์ป่าไม่ควรเกิดขึ้นในเมืองไทย ขอให้เป็นคดีสุดท้าย ทั้งเป็นเครื่องเตือนใจให้เห็นว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนการจะนำหนังเสือดำและซากชิ้นส่วนเสือดำไปเผาเพื่อส่งวิญญาณคิดว่าไม่ควรทำ เพราะหดหู่เกินไป นำไปให้ประชาชนได้เรียนรู้และเป็นเครื่องเตือนใจดีกว่า
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีล่าเสือดำ เปิดใจต่อสื่อมวลชน หลังถูกครหาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. มีความเกรงใจยกมือไหว้และอาจจะแอบให้การช่วยเหลือในทางคดีกับนายเปรมชัยจนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า การจะไหว้หรือไม่ไหว้ไม่ส่งผลทำให้กฎหมายเปลี่ยนแปลง ตำรวจในฐานะคนทำสำนวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมเพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้มีการฟ้องร้องกลับได้ทำอย่างรอบคอบรัดกุม ถึงแม้ในที่เกิดเหตุจะมีเพียงซากเสือ เศษเนื้อ หนังเสือ แต่เราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ารอยกระสุนปืน รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆสอดคล้องกัน ยอมรับมีความกดดันในการทำคดี เพราะช่วงแรกมีพยานหลักฐานน้อย อีกทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวมีความกดดันสูง แต่เมื่อทำสำนวนส่งฟ้องอัยการและอัยการสั่งฟ้องตามที่ตำรวจทำมา ถือว่าประสบผลสำเร็จในคดีนี้ ส่วนคำพิพากษาจะออกมาเป็นเช่นไรไม่สามารถกำหนดได้