เจ้าหน้าที่ขนย้ายสารเคมี “สไตรีน” ออกจากพื้นที่ไฟไหม้โรงงานบริษัทหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด “งานงอก” หลังร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ พบมีสารสไตรีนอยู่ประมาณ 1,100 ตัน มากกว่าที่แจ้งไว้ 600 ตัน ขณะที่น้ำดับเพลิงปนเปื้อนสารเคมีทั้งสไตรีน และน้ำมันเตาจำนวนมากต้องเร่งสูบออกไปกำจัด เพราะมีกลิ่นเหม็นแสบจมูกจนชาวบ้านร้องเรียน คาดต้องใช้เวลาอีก 2-3 วันถึงสูบออกไปกำจัดได้หมด นายอำเภอแจงการช่วยเหลือเยียวยาซ่อมแซมบ้านเรือน ให้ชาวบ้านจ่ายเงินซ่อมไปก่อนแล้วนำหลักฐานไปยื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยาได้รายละไม่เกิน 49,500 บาท
ภารกิจการขนย้ายสารเคมี “สไตรีน” จำนวน 600 ตัน หรือ 600,000 ลิตร และสิ่งปนเปื้อนออกจากพื้นที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ยังไม่เสร็จสิ้น น้ำดับเพลิงปนเปื้อนสารเคมีเริ่มเป็นพิษส่งผลกระทบกับชาวบ้านโดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ค. พื้นที่โรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ยังเป็นพื้นที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้า มีรถดับเพลิงกับรถดับเพลิงชนิดฉีดโฟมอย่างละคันจอดอยู่เตรียมรับสถานการณ์หากไฟปะทุ ขณะที่ในร่องระบายน้ำด้านหน้าโรงงานขนาดกว้างประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร ขังเต็มไปด้วยน้ำที่ใช้ดับเพลิงปนเปื้อนน้ำมันเตาและสารสไตรีนมีปริมาณ 150 คิว หรือ 150,000 ลิตร ส่วนพื้นโรงงานด้านหลังติดกับหมู่บ้านจัดสรรเพิ่งสร้างเสร็จ มีน้ำปนเปื้อนสารเคมีเป็นสีดำขุ่น ส่งกลิ่นเหม็นแสบจมูก ระดับน้ำสูงราว 20 ซม. คาดมีประมาณ 150 คิว หรือ 150,000 ลิตร
ขณะเดียวกัน นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผู้ อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บมจ.อัคคีปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกสารเคมี 9 คัน เพื่อขนย้ายสาร “สไตรีน” ส่งไปทำลายที่ บมจ.อัคคีปราการ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู เป็นวันที่ 3 พร้อมนำรถน้ำจำนวน 3 คัน สูบน้ำปนเปื้อนบริเวณโรงงานส่งไปกำจัดเป็นวันแรก โดยใช้รถน้ำ 2 คันขนถ่ายน้ำปนเปื้อนจากท่อระบายน้ำด้านหน้าโรงงาน และใช้รถน้ำ 1 คัน ขนถ่ายน้ำปนเปื้อนที่ท่วมพื้นโรงงานด้านหลัง
...
นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผอ.ฝ่ายบริหารการตลาด บมจ.อัคคีปราการ เปิดเผยว่า วันนี้การทำงานแยกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือกองถ่านหินที่เหลือ ได้เคลื่อนย้ายออกไปกำจัดที่ บจก.ปูนซีเมนต์ไทย (แก่งคอย) หมดแล้ว ส่วนที่สองการขนย้ายสารสไตรีน ตอนแรกแจ้งว่ามีอยู่ประมาณ 600 ตัน หรือ 600,000 ลิตร แต่จากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษเมื่อวันที่ 11 ก.ค. พบว่ามีสารสไตรีน อยู่ประมาณ 1,100 ตัน หรือ 1,100,000 ลิตร เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ต้องปรับแผนเพิ่มจำนวนรถเพิ่มจำนวนเที่ยวเพื่อเร่งขนถ่ายสารเคมีออกไปให้เร็วที่สุด ซึ่งกำลังปรับแผนอยู่
ผอ.ฝ่ายบริหารการตลาด บมจ.อัคคีปราการ กล่าวต่อว่า ส่วนที่สามเริ่มดำเนินการเรื่องน้ำเสียรอบบริเวณโรงงาน ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านได้รับกลิ่นเหม็น และมีสารเคมีปนเปื้อนลงไปในลำคลองและแหล่งน้ำ จากเหตุการณ์ระเบิดของโรงงาน ได้ใช้รถน้ำสูบน้ำเสียที่มีสารปนเปื้อนสไตรีนกับนํ้ามันเตาที่ในร่องน้ำหน้าโรงงาน และน้ำเสียปนเปื้อนสารสไตรีนที่มีสีดำและส่งกลิ่นเหม็นท่วมพื้นหลังโรงงานส่งไปกำจัดที่ บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ที่ จ.สระบุรี คงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วันกว่าจะสูบหมด
ต่อมานายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพฤกษ์ ศิโรรัตนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ไปติดตามการขนย้ายสารสไตรีน ออกจากโรงงานที่เกิดเหตุ โดยนายเดชากล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ติดตามเรื่องการกำจัดมลภาวะต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของน้ำเสียต่างๆในบริเวณโรงงานอย่างใกล้ชิด ตอนนี้ได้เร่งเอาน้ำเสียออกไปกำจัด ส่วนเรื่องกลิ่นในพื้นที่ใกล้เคียงยังอาจมีอยู่บ้าง แต่ภายใน 2-3 วัน คงจะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ตอนนี้เร่งทำงาน 24 ชม.
ด้านนายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี กล่าวถึงการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายว่า ใช้เงินจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยให้ผู้ประสบภัยจ่ายเงินซ่อมแซมไปก่อน แล้วนำหลักฐานมายื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยา ซึ่งจะมีคณะกรรมการอีกชุดพิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วน จ่ายให้รายละไม่เกิน 49,500 บาท โดยสามารถยื่นคำร้องได้ในวันที่ 12-14 ก.ค. ที่จุดรับลงทะเบียน 5 จุด ได้แก่ หมู่บ้านศุภาลัย หมู่บ้านพฤกษา หมู่บ้านวินมิลล์ วัดสลุด วัดกิ่งแก้ว ส่วนผู้ที่ตกหล่นสามารถไปแจ้งได้ที่ อบต.ราชาเทวะ ในวันที่ 15 ก.ค. โดยจะมีคณะกรรมการฯพิจารณาตามลำดับคิว และจะจ่ายเงินเยียวยาในวันที่ 16 ก.ค. ขณะที่ยอดผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.บางแก้ว อยู่ที่ 1,266 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 427 ล้านบาท