พ่อผัวอดีตเจ้าของกิจการรับซื้อกระชาย ส่งขายตลาดไท ลั่นไก 9 มม. ยิงลูกสะใภ้ พรุน 4 นัด ดับคาโกดังรับซื้อกระชาย แล้วจ่อขมับยิงตัวตายในโรงรถ ลูกจ้างสาว แฉก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังหลายนัด ออกมาดู เห็นพ่อผัวปืนโหดถือปืนเดินอ้อมศพมุ่งหน้าไปที่โรงรถ ก่อนจะยิงตัวตายตาม พร้อมทิ้งจดหมายลาตายถึง ลูกชายที่รับสืบทอดกิจการระบุ “อยู่ไปเจ็บทรมานเหลือเกิน” ตำรวจสันนิษฐานพ่อผัวเครียดโรครุมเร้า ประกอบกับรู้ว่าลูกสาวขัดแย้งกับลูกสะใภ้เกี่ยวกับกิจการรับซื้อกระชาย เป็นสาเหตุให้คิดสั้นก่อคดีสยอง

พ่อผัวเครียดโรคมะเร็งรุมเร้า ประกอบกับ ปัญหาครอบครัวลูกสาวขัดแย้งกับลูกสะใภ้ ลั่นไกยิงลูกสะใภ้ดับแล้วยิงตัวตายรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ย. พ.ต.ท.สามารถ จงประเสริฐ สว. (สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุมีคนยิงกันตาย 2 ศพ ที่บ้านเลขที่ 78/5 หมู่ 5 ต.ทัพหลวง อ.เมืองนครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 7 แพทย์เวร รพ.ศูนย์นครปฐม นำกำลังและเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม รุดไปสอบสวน

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นมีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่กว่า 2 ไร่ ด้านหลังปลูกเป็นโกดังสำหรับเก็บล้างต้นกระชายเพื่อส่งขายตลาดไท พบศพ น.ส.บุญรัตน์ แสงชัญ อายุ 34 ปี ลูกสะใภ้เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยปืน 9 มม. เข้าหน้าอก 2 นัด ท้อง 2 นัด นอนหงายจมเลือดอยู่กับพื้น มีตะกร้าพลาสติกใส่กระชาย 1 ใบวางอยู่ข้างศพ มีปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่ 4 ปลอก

ที่โรงรถห่างไปราว 50 เมตร พบศพนายสุวรรณ เจกบุตร อายุ 62 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นมือปืนยิง น.ส.บุญรัตน์นอนหงายในเปลญวน มีบาดแผลกระสุนปืน 9 มม. เจาะเข้าขมับขวาทะลุขมับซ้าย 1 นัด มีปืน 9 มม. 1 กระบอกที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่บนพื้นข้างศพ มีจดหมายลาตายที่นายสุวรรณเขียนถึงลูกชายวางอยู่บนเบาะรถ จยย.ที่จอดอยู่ใกล้กันว่า “นุ้ย พ่อตายไม่ต้องเสียใจ เพราะมันถึงเวลาแล้ว พ่อต้องตาย อยู่ไปเจ็บทรมานเหลือเกิน พ่อรักนุ้ยมากนะ” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

...

สอบสวน น.ส.อัมพาพรรณ จิตเจริญทวีโชค อายุ 36 ปี ลูกจ้างคัดแยกกระชาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนล้างกระชายอยู่ในห้อง ส่วน น.ส.บุญรัตน์ ผู้ตายนั่งอยู่บนม้านั่งเตรียมจัดกระชายที่ล้างแล้วลงตะกร้า จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เดินออกมาดูเห็นนายสุวรรณถือปืนเดินอ้อมศพ น.ส.บุญรัตน์ เข้าไปที่โรงรถ ตนรีบเข้าไปดู น.ส.บุญรัตน์ แล้วมีเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ดังมาจากโรงรถ รีบวิ่งไปดูพบว่านายสุวรรณยิงตัวตายคาเปลไปแล้ว ตะโกนบอกคนในบ้านให้แจ้งตำรวจ

จากการสอบสวนคนในบ้านทราบอีกว่านายสุวรรณเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจรับซื้อกระชาย ขิงและข่าส่งไปขายตลาดไท ต่อมาให้ลูกชายซึ่งเป็นสามีของ น.ส.บุญรัตน์สืบทอดกิจการแทน โดยลูกสาวอีกคนช่วยทำการค้า ส่วน น.ส.บุญรัตน์อยู่กินกับลูกชายนายสุวรรณนาน 10 ปีแล้ว มีลูกวัย 4 ขวบ 1 คน ซึ่งกิจการรับซื้อกระชาย น.ส.บุญรัตน์ทำหน้าที่นำกระชายไปส่งที่ตลาดไท ส่วนลูกสาวของนายสุวรรณมีหน้าที่รับซื้อกระชายอยู่ที่บ้าน และมักมีปัญหากันบ่อย ขณะที่นายสุวรรณป่วยเป็นมะเร็ง รับรู้ถึงความขัดแย้งระหว่างลูกสาวกับลูกสะใภ้ เคยบอกให้ลูกสะใภ้ย้ายไปอยู่ที่อื่นมาแล้ว สันนิษฐานว่านายสุวรรณทนความเจ็บปวดจากโรคมะเร็งไม่ไหว ประกอบกับเครียดปัญหาในครอบครัวที่ลูกสาวขัดแย้งกับลูกสะใภ้ ตัดสินใจยิงลูกสะใภ้แล้วยิงตัวตาย ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป